17 มิถุนายน 2568  การสื่อสารของ อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.)  ต่อสื่อมวลชนเมื่อสัปดาห์ก่อน ด้วยการส่งสัญญาณแรงๆไปถึง “บ้านจันทร์ส่องหล้า”ว่า

“พรรคสีน้ำเงินต้องการรักษาเก้าอี้ มท.1 ไว้ถ้าไม่ได้จะเป็นฝ่ายค้าน”

ผ่านมาถึงวันนี้ ( 17 มิถุนายน 2568 )  พิสูจน์ได้แล้วว่า  “ไม่ใช่แค่ข้ออ้างว่า สื่อถามมา ผมก็ตอบ” หากแต่เป็นการคิดค้นคำตอบไว้ล่วงหน้า ชนิดเตรียมการมาอย่างดีของภท.ในการต่อกรกับ พรรคเพื่อไทย

“ภูมิใจไทย” ประกาศชัด ทั้งการเปิดใจผ่านเนชั่นทีวี ทั้งหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)  หรือแม้แต่ เพจพรรคภูมิใจไทย ถึงกับเผยแพร่ภาพ ขึ้นพาดหัวชนิดชัดเจนระดับฟูลเอชดี  หลังทราบว่า “เพื่อไทย”จ่อ ยึดคืนมท.1 แน่นอน และปรับอนุทินไปกระทรวงอื่น

อย่าลืมว่า ก่อนหน้านี้ บก.คนที่ 4 เนชั่นทีวี ทักษิณ ชินวัตร เคยวิเคราะห์การเมืองผ่านสื่อในเครือเนชั่นมาแล้วว่า ต้องการให้พรรคเพื่อไทย ดูแลกระทรวงมหาดไทย  ซึ่งคอการเมืองต่างทราบดี ทำไมเพื่อไทยต้องการกระทรวงมหาดไทยอย่างแรงกล้า ก็เพราะเข้าไปจัดทัพนายอำเภอ และผู้ว่าฯ รับเลือกตั้งสส.ปี 2570 หรือกระชั้นกว่านั้น?

การเปิดปฏิบัติการต่อรองวัดใจผ่านสุ้มเสียง หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย รวมไปถึงครูใหญ่แห่งบุรีรัมย์ จึงเกิดขึ้น 

รับรู้แล้วว่า หากเพื่อไทยยึดกระทรวงคลองหลอดคืนเเน่นอน โดยจะแต่งตั้ง อนุทิน ให้รับตำแหน่งเจ้ากระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง ดังนั้น  อนุทิน ชิงปิดเกมนี้ไปก่อนคือ “หากปรับเสี่ยหนูออกจากมท.1 พรรคสีน้ำเงิน 69 สส.ถอนตัว 8 รมต.คืนเก้าอี้ให้เพื่อไทย”

จนเมื่อเปิดสมัยประชุมรัฐสภาสมัยสามัญ ( 3 กรกฎาคม ) ภท.จะเริ่มเปิดปฏิบัติการชัดเจนที่ไม่ใช่ข่าวลือเหมือนครั้งแรกๆ เช่น การเตรียมโหวตคว่ำร่าง กม.งบประมาณ/ และร่างกม.กาสิโน เเละสว.ชุดนึ้รับไม้ด้วยการขอเปิดอภิปรายทั่วไปการบริหารราช การเเผ่นดินของสร.1คนปัจจุบัน”

วงในรัฐสภารายงานว่า ตอนนี้ ภท. มีการจับมือกับขั้วส้มแล้ว จะเห็นได้ว่า มีการไฟเขียวหลายเรื่อง ให้พรรคสีส้มเดินหน้าตรวจสอบคนในรัฐบาล เช่น กรณีอดีตรมว.เเรงงานรายหนึ่ง

ดังนั้น สภาพรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร หลังเปิดสมัยประชุมรัฐสภาในเดือน กรกฎาคม จึงต้องเผชิญสถานการณ์ของจำนวนเสียงรัฐบาลในการผ่านร่างกฎหมายฉบับต่างๆ เพราะรัฐบาลแพทองธารจะอยู่ในสภาพเสียงปริ่มน้ำ หรือแย่สุดเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย จะเหลือ 256 เสียง ( หากภูมิใจไทยถอนตัว 69 เสียง ไปเป็นฝ่ายค้าน )

แม้เป็นรัฐบาลได้ แต่บริหารไม่ได้  ร่างกม.ส่อเเววล่มกลางสภา โดยเฉพาะร่างกม.งบประมาณปี 2569  ซึ่งสถานการณ์อาจเดินไปถึงการตัดสินใจของนายกฯต้องลาออก โดยเปลี่ยนตัวนายกฯ หรือเพื่อไทยหาตัวนายกฯไม่ได้ นายกฯแพทองธาร ต้องจำนนประกาศยุบสภา

สถานการณ์เดือนกรกฎาคมจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง 

ไทม์ไลน์กรกฎาระทึก

-สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาอันยืดเยื้อ จนสว.สีน้ำเงินจี้ เปิดสภาขออภิปรายทั่วไป ตามรธน.มาตรา 153 แน่นอนเป็นการโหมกระแสเขย่าความนิยมรัฐบาลเพื่อไทย ลดวูบไปอีก 

–ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ไต่สวนคดี ทักษิณ ชั้น14  โดยมีการเรียกพยาน 20 ปากเฉพาะการไต่สวนนัดเเรก จาก“ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ” สังคมมองว่า คำให้การของผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ไม่ค่อยเป็นผลดี ต่อ ทักษิณ ชินวัตร สักเท่าไหร่นัก

มิพักกล่าวถึงนัดที่เหลือ คือ ศาลฯ นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือน กรกฎาคม ประกอบไปด้วยวันที่ 4-8-15-18-25-30 ก.ค. เวลา 09.00 น. ทุกนัด โดยศาลฯขอเพิ่มพยานเอกสารหลักฐานจากแพทยสภาด้วย

-ศาลอาญา จะพิจารณา คดีม.112 ที่ ทักษิณ ชินวัตร ตกเป็นจำเลยในเวลาไม่นานนักจากนี้ไป

***เห็นได้ว่าประเด็นการตรวจสอบทักษิณ ย่อมมีผลต่อรัฐบาลเพื่อไทย ทั้งทางตรงและทางอ้อม***

-กลับมาที่การเปิดประชุมสภาผู้เเทนฯสมัยประชุมนี้ ภท. พร้อมโหวตคว่ำร่างกม.งบประมาณ เเละร่างกม.คาสิโนหากทักษิณยังดึงดันปรับ ครม.ฮุบมท.1เป็นของเพื่อไทย

-9 กรกฎาคม กกต.มีอำนาจสอบ สว.ครบอายุความ 1 ปี ต้องลุ้นกันว่าจะขยายเวลาออกไปหรือไม่ หากขยายเวลาย่อมเป็นคุณกับภท.และสว.สีน้ำเงิน

-จุดที่มองข้ามไม่ได้เลย ป.ป.ช. พิจารณาสำนวน ครม.เพื่อไทย บริหารงบใช้หาเสียง ผิดวินัยการเงินการคลัง เพราะมีผู้ร้องให้ป.ป.ช.ส่งศาลรธน.เชือดเเละเห็นเเววเเล้วหลังสำนักงบประมาณแจ้งนายกอบจ. บางจังหวัด ขอริบงบภัยแล้ง 5.1 หมื่นล้านบาทที่เเปรมาจากงบ1.57 เเสนล้านบาทของการเเจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท เหตุ ป.ป.ช. รับไต่สวนเเละส่อขัด รธน.มาตรา 144 โดยงานนี้โยงถึงรมต./นักการเมืองค่ายสีเเดงที่ลงไปล้วงลูกด้วย

ภาวะการณ์เเบบนี้ เมื่อจับชีพจร”รัฐบาลแพทองธาร” บ่งบอกถึงอาการน่าเป็นห่วง เตรียมพร้อมเข้าไอซียู ต่อลมหายใจไปต่อได้หรือไม่