KUBET – DSI เจอพิกัดสงสัยทำอะไรบางอย่าง คืน “แตงโม นิดา” ตกเรือ

DSI เจอพิกัดสงสัยทำอะไรบางอย่าง คืน “แตงโม นิดา” ตกเรือ

DSI ลุยจำลองเหตุ “แตงโม นิดา” ตกเรือ เจอพิกัดต้องสงสัย คล้ายมีการทำอะไรกันบางอย่างในคืนเกิดเหตุ คาดรู้ผลการตรวจสอบทั้งหมดใน 2 สัปดาห์

17 กุมภาพันธ์ 2568 ความคืบหน้าคดีการเสียชีวิตของ “แตงโม นิดา” โดยวันนี้ ดีเอสไอ ได้นำอุปกรณ์พิเศษลงตรวจสอบพื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา และในแม่น้ำ เพื่อสร้างภาพจำลองสถานที่เกิดเหตุแบบ 3 มิติ เพื่อนำมาวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ โดยมี นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต เข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วย
 

ดีเอสไอ สำรวจที่เกิดเหตุคดีแตงโมตกเรือเสียชีวิต เทียบคำให้การ
 

โดยวันนี้ พันตำรวจตรียุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ ได้มอบหมายให้ พันตำรวจตรีณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนคดีการเสียชีวิตของ แตงโม นิดา นำคณะพนักงานสืบสวน ลงพื้นที่ตรวจสถานที่เกิดเหตุในแม่น้ำเจ้าพระยา โดยคณะพนักงานสืบสวน นำเรือปฏิบัติการรวม 5 ลำ ลงสำรวจเริ่มต้นจากอู่เรือบ้านเรือเล็ก อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี พร้อมนำอุปกรณ์โซนาร์จากกรมชลประทาน ไปสำรวจสภาพใต้น้ำ รวมถึงการใช้เครื่องสแกนเนอร์ เพื่อตรวจสอบสภาพทางกายภาพบนฝั่งริมแม่น้ำเจ้าพระยา ในจุดที่เกี่ยวข้องกับคดี เพื่อนำข้อมูลไปวิเคราะห์ร่วมกับรายงานการตรวจสภาพศพของ แตงโม ว่า สอดคล้องกันหรือไม่

คณะตรวจสอบที่เกิดเหตุ จะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ภาคเช้าและภาคบ่าย ภาคเช้าไปสำรวจทางทิศใต้ มีจุดสำคัญที่จากการสอบปากคำพยานมา มีข้อสงสัยมากที่สุด คือ บริเวณ ท่าทรายและวัดค้างคาว ส่วนภาคบ่าย สำรวจขึ้นไปทางทิศเหนือ ไปจนถึงร้านอาหารบ้านตานิด มีจุดที่สงสัยประมาณ 4 จุด โดยหากผลการตรวจสอบพบว่า มีจุดใดที่น่าสงสัย หรือมีสิ่งบอกเหตุ จะให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ร่วมกับ ดีเอสไอ ลงพื้นที่เก็บรายละเอียดอีกครั้ง
DSI เจอพิกัดสงสัยทำอะไรบางอย่าง คืน “แตงโม นิดา” ตกเรือ

DSI ใช้เครื่องเลเซอร์สแกนภูมิประเทศ บริเวณวัดค้างคาว เทียบ GPS เรือ-โทรศัพท์
 

ตลอดช่วงเช้า เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ได้แล่นเรือสำรวจ 3 จุดหลักๆ คือ บริเวณกลางลำน้ำใกล้กับซอยจรัญสนิทวงศ์ 92 ท่าเรือวัดค้างคาว และท่าทรายบริเวณหน้าบริษัท พูนพิพัฒน์ จำกัด โดยหลักๆ ใช้เครื่องเลเซอร์สแกนนิ่งและโดรนเก็บรวบรวมข้อมูล

ซึ่งจุดนี้เจ้าหน้าที่ให้ความสนใจ หลังจากได้ข้อมูลมาว่า เรือลำเกิดเหตุลอยลำอยู่บริเวณนี้เป็นเวลานาน เพื่อจะนำไปรวบรวมข้อมูลกับที่ได้มาก่อนหน้านี้ โดยความพิเศษของเครื่องเลเซอร์สแกนนิ่ง จะสามารถจำลองเหตุการณ์เทียบเคียงภาพเสมือนจริงได้มากที่สุดในคอมพิวเตอร์เทียบกับวันเกิดเหตุ โดยเครื่องนี้จะสามารถทำงานประกอบกับข้อมูล GPS เนื่องจากใช้ระบบเดียวกันผ่านสัญญาณดาวเทียม ไม่ว่าจะเป็นข้อมูล GPS ข้อมูล GPS โทรศัพท์ และภาพถ่ายแผนที่ดาวเทียม  แล้วจะนำไปทำรูปแบบคอมพิวเตอร์กราฟฟิกสามมิติ จำลองเหตุการณ์ประกอบกับหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ โดยจะใช้วิธีการตั้งสมมุติฐานว่าใคร ทำอะไร ที่ไหน ให้มีความใกล้เคียงกับข้อมูลที่ได้จากพยานให้มากที่สุด
DSI เจอพิกัดสงสัยทำอะไรบางอย่าง คืน “แตงโม นิดา” ตกเรือ

 

DSI เตรียมนำหลักฐานหารือผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศ เพื่อขอข้อเสนอแนะ
 

พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีพิเศษ กล่าวว่า ช่วงเช้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนได้ตรวจที่เกิดเหตุช่วงทิศใต้ ของสถานที่เกิดเหตุทั้งหมด โดยผลได้ข้อมูลจากการตรวจที่เกิดเหตุ เช่น จุดบริเวณที่ตกน้ำและเกิดบาดแผลที่สงสัยว่า บาดแผลที่โดนใบพัด หรือบาดแผลยาวเกิดจากอะไร โซนาร์ใต้น้ำจะช่วยบอกว่า บริเวณดังกล่าวอาจจะมีวัตถุ หรือสิ่งก่อสร้างอะไรหรือไม่ ที่ทำให้โดนแล้วเกิดบาดแผลหรือไม่ รวมถึงรายงานการตรวจศพที่แตงโมจมน้ำและมีน้ำในปอดจะดูว่า ที่ตรวจมาแล้วชนิดของน้ำเป็นอะไร ซึ่งชนิดน้ำสามารถที่จะแยกได้ โดยในครึ่งวันแรกเหตุสงสัยที่พบแล้ว 2-3 จุด จะมาเก็บตัวอย่างน้ำอีกครั้ง

พ.ต.ต.ณฐพล กล่าวว่า ส่วนช่วงบ่ายนี้จะขึ้นไปทางเหนือ ไปทางร้านอาหารบ้านตานิด มีจุดสงสัยและจุดสังเกตจากการที่เราดูจากระบบ GPS ที่ได้สอบผู้เชี่ยวชาญ GPS มีจุดสงสัย เช่น มีเรือหยุด หรือเรือชะลอต่างๆ จึงจะทำการสังเกตบริเวณดังกล่าวว่า ฝั่งตรงข้าม สิ่งรอบข้างมีอะไรเกิดขึ้นหรือไม่ ซึ่งเป็นจุดที่เราจะเก็บตัวอย่างน้ำไปตรวจพิสูจน์ ส่วนโซลาร์ใต้น้ำที่จะดูว่า ข้างล่างเป็นอะไร ซึ่งกระบวนการวิทยาศาสตร์จะสามารถตอบได้ว่า มีอะไรเกิดขึ้น

ผลจากการที่ได้ข้อมูลจากการวิเคราะห์ในครั้งนี้ จะนำผลทั้งหมดที่ได้เชิญแพทย์นิติเวช จาก 10 สถาบันมาร่วมวิเคราะห์ตรวจสอบรายงานผลการตรวจศพ โดยจะนำตัวอย่างน้ำ และสภาพใต้น้ำไปประกอบด้วยว่า บริเวณดังกล่าวนี้มีอะไรเกิดขึ้นหรือไม่ เพื่อให้ผลการตรวจวิเคราะห์แม่นยำมากยิ่งขึ้น

โดยจะมีการตรวจสอบ 4 จุด ที่ภาคประชาชนได้ให้ข้อมูลมาและมีข้อสงสัย นอกเหนือจาก 4 จุดนี้ ทางคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนจะสังเกตดูว่า จะคำให้การและหลักฐานต่างๆ จะมีจุดไหนบ้างที่จะมีการตรวจซ้ำหรือตรวจเพิ่มขึ้นให้มากกว่าเดิมจาก 8 จุดเดิม

คาดว่าภายใน 2 สัปดาห์ ผลการตรวจวิเคราะห์ต่างๆ จะออกมา โดยมีหน่วยราชการที่มาช่วยเหลือในการทำงานเป็นมาตรฐานสากล นอกจากนี้จะนำผลการตรวจต่างๆ ไปปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางด้านต่างประเทศในวันที่ 20 กุมภาพันธ์นี้ จะเดินทางไปยุโรป ว่าผู้เชี่ยวชาญจะมีข้อเสนอแนะข้อคิดเห็นอย่างไรบ้าง เพื่อนำมาช่วยวิเคราะห์ในการตรวจสอบข้อมูลครั้งนี้ต่อไป
DSI เจอพิกัดสงสัยทำอะไรบางอย่าง คืน “แตงโม นิดา” ตกเรือ

พ.ต.ต.ณฐพล กล่าวว่า ส่วนจะรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ อยู่ในกระบวนการของดีเอสไอ ที่ได้มีการทำงานอยู่ เบื้องต้นต้องพิสูจน์ก่อนว่า มีอะไรเกิดขึ้น เป็นอย่างไร โดยใช้กระบวนการทางนิติวิทยาศาสตร์ทั้งหมด เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นมา 3 ปีแล้ว สิ่งที่จะตอบคำถามได้ดีที่สุดคือ กระบวนการทางนิติวิทยาศาสตร์
 

DSi พบบางจุดมีการจอดหรือชะลอเรือ คล้ายกับอาจมีการกระทำการบางอย่างคืนเกิดเหตุ
 

จากนั้นเวลา 13.00 น. เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ได้ออกเรือจากบริเวณท่าเรือบ้านเรือเล็กเป็นรอบที่ 2 โดยครั้งนี้ได้มุ่งหน้าขึ้นไปทางทิศเหนือ ลอดใต้สะพานพระนั่งเกล้า สะพานพระราม 4 สะพานปทุมธานี 2 และปทุมธานี 1 มุ่งหน้าไปที่ร้านอาหารครัวบ้านตานิด โดยเส้นทางเดินเรือยึดตามข้อมูล GPS เรือเกิดเหตุ จากจุดบ้านเรือเล็กมาถึง “ร้านอาหารครัวบ้านตานิด” ระยะทางประมาณ 30 กิโลเมตร

ซึ่งนอกจากจุดร้านอาหาร จะเป็นจุดที่กลุ่มคนบนเรือแวะรับประทานอาหารกันแล้ว การใช้เครื่องเลเซอร์สแกนนิ่งสแกนพื้นที่โดยรอบเพื่อตรวจหารายละเอียดอื่นๆ เพิ่มเติม โดยเฉพาะเรื่องของสัญญาณโทรศัพท์ นำไปประกอบกับข้อมูลที่เก็บรวบรวมได้ก่อนหน้านี้ ทั้งข้อมูลทางนิติวิทยาศาสตร์และข้อมูลจากพยาน

จากนั้นเรือได้ไปลอยลำอยู่บริเวณ “ท่าเรือริเวอร์เดล” ในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี เป็นจุดถัดมา เพื่อสแกนพื้นที่เพิ่มเติม โดยบริเวณจุดนี้มีความสำคัญอีกจุด เนื่องจากโดยปกติแล้วเรือลำเกิดเหตุจะมีเครื่องสัญญาณโซนาร์สแกนใต้น้ำ แต่จากข้อมูล GPS ที่เก็บรวบรวมไว้ก่อนหน้านี้พบว่า บริเวณจุดนี้สัญญาโซนาร์สแกนบริเวณจุดนี้หายไป จึงต้องนำ อุปกรณ์ไปสแกนพื้นที่เพื่อตรวจสอบไปประกอบกับข้อมูลอื่นๆ เพิ่มเติม และยังพบว่าเรือจอดบริเวณนี้ลักษณะหันหัวเข้ากับท่าน้ำประมาณ 90 องศา

จากนั้นขบวนเรือของดีเอสไอ จะแล่นมุ่งหน้าลงทางทิศใต้ เข้าสู่จังหวัดนนทบุรี เพื่อไปตรวจสอบจุดอื่นๆเพิ่มเติมอีกโดยมีจุดที่สำคัญอีกหนึ่งจุดที่ “บริเวณท่าเรือร้านอาหารไวน์พอร์ท” ที่นายปานเทพ มีข้อสงสัยว่า จุดนี้มีการจอดเรือและเหมือนมีการเคลื่อนย้ายสิ่งของ หรือวัตถุบางอย่างลงบริเวณนี้ เนื่องจากตามสัญญา GPS พบว่า เรือรับเกิดเหตุมาจอดจุดบริเวณท่าเรือนี้ด้วย ทางเจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้ลอยเรือ และสแกนเก็บข้อมูลบริเวณนี้

จุดต่อมา บริเวณ “บ้านร้าง จ.ปทุมธานี” ซึ่งเป็นจุดที่พบข้อมูล GPS เรือ ว่าเรือมาชะลอความเร็วบริเวณจุดนี้อีกหนึ่งจุด โดยมีความเร็วอยู่ที่ประมาณ 0.8 นอต และไปยังจุดอู่เรือ SNB ซึ่งเป็นจุดที่มีข้อสงสัยว่ามีการจอดเรือเป็นระยะเวลา 10 วินาที 

และอีกจุดคือ “คอนโดริมน้ำ บริเวณใกล้กับสะพานพระนั่งเกล้า” จุดนี้ว่า พบ GPS เรือมีการจอด และมีข้อสงสัย อาจมีการจอดรับคน โดยเจ้าหน้าที่ได้ใช้เครื่องเลเซอร์สแกนนิ่งและโซนาสแกนนิ่งสแกนพื้นที่โดยรอบ เพื่อตรวจสอบหาสัญญาณ และสัญญาณ GPS เพื่อนำไปเทียบเคียงกับเรือลำเกิดเหตุในวันเกิดเหตุ

จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำได้นำเครื่องแสกนขึ้นฝั่ง บริเวณท่าเรือพิบูลสงคราม 1 เพื่อเก็บรายละเอียดข้อมูลอีกครั้ง และล่องไปยังบริเวณท่าทรายเพื่อเก็บรายละเอียดอีกครั้ง ก่อนจะไปยังแสกนบริเวณอู่ต่อเรือ NBC ก่อนเจ้าหน้าที่จะกลับมายังอู่เรือบ้านเรือเล็ก ทั้งนี้หนึ่งในเรือของทีมเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ได้มีการอุปกรณ์ตรวจสอบสัญญาณโทรศัพท์ เพื่อนำไปเทียบกับเครือข่ายโทรศัพท์ของแตงโมโดยเก็บข้อมูลตาม GPS เรือลำเกิดเหตุ
DSI เจอพิกัดสงสัยทำอะไรบางอย่าง คืน “แตงโม นิดา” ตกเรือ
 

DSI เผยผลเก็บข้อมูลตาม GPS เรือ คาดรู้ผลภายในสองสัปดาห์ 
 

ภายหลังตลอดทั้งวัน เจ้าหน้าที่ได้เก็บรวบรวมข้อมูล ใช้เวลานานกว่า 8 ชั่วโมง พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม หัวหน้าคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงคดีแตงโม ระบุว่า จาก 8 จุด ที่ผ่านมาแล้ว ยังมีการขยายเพิ่มไปอีกหลายส่วน มีการภาพถ่ายทางอากาศ โดยการใช้โดรนสแกนบริเวณริมตลิ่งทั้งหมด และสแกนจุดที่น่าสงสัยทั้งหมด 8 จุด ส่วนจุดที่มีการเก็บเพิ่มเติมมานั้น จะต้องนำไปวิเคราะห์ก่อนว่ามีจุดไหนที่น่าสนใจ

ซึ่งทั้งหมดเป็นกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ที่จะมีความคาดเคลื่อนน้อยที่สุด โดยจะนำข้อมูลทั้งหมดมาวิเคราะห์ประกอบกับข้อมูลพยานบุคคล หรือคลิปวิดีโอที่ได้มา โดยเฉพาะที่มีการเอาไปเปิดเผยในโลกโซเชียล ที่จริงบ้างไม่จริงบ้าง อยู่ในขั้นตอนที่พนักงานสอบสวนจะเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล และจะส่งไปให้ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์อีกครั้งหนึ่ง เพื่อความแน่นอนแม่นยำของข้อมูลที่จะนำมาใช้ในคดี คาดว่าน่าจะใช้เวลา 2 สัปดาห์ น่าจะได้ภาพออกมา และจะนำออกมาเปิดเผยต่อสื่อมวลชน

จากนั้นจะให้นิติวิทยาศาสตร์มาช่วยเก็บข้อมูลเพิ่มเติมในเรื่องของน้ำว่า มีชนิดของน้ำที่น่าสงสัยหรือไม่ แต่ต้องขอรอผลการวิเคราะห์ก่อน วันนี้ยังไม่ได้มีการเก็บน้ำ ส่วนโคลนกับทรายในอดีตมีการเก็บไว้แล้วอยู่ในสำนวนของดีเอสไอที่จะไปดูอีกทีว่า จะต้องเก็บเพิ่มเติมไหม ซึ่งจะต้องเก็บทุกอย่างมาตรวจสอบให้สิ้นข้อสงสัย

พร้อมบอกว่าในวันพรุ่งนี้ (18 ก.พ.68) จะมีพยานมาให้ข้อมูลอีก 2 คน ซึ่งตอนนี้ทางดีเอสไอเองยังไม่สามารถ บอกข้อมูลได้เนื่องจากเพิ่งได้รับการประสานมา และยังไม่รู้ว่าพยานทั้ง 2 คนนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไร
DSI เจอพิกัดสงสัยทำอะไรบางอย่าง คืน “แตงโม นิดา” ตกเรือ