KUBET – ผ่าร่าง กม.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ 4 จุดท้าทายนักลงทุน

ผ่าร่าง กม.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ 4 จุดท้าทายนักลงทุน

สื่อนอกเจาะลึก ร่างกฎหมายเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ วิเคราะห์ 4 ประเด็นสำคัญท้าทาย ทั้งทุนจดทะเบียน 1 หมื่นล้าน ลงทุนขั้นต่ำ 1 แสนล้าน ใบอนุญาต 30 ปี พื้นที่กาสิโน 10% และเงื่อนไขการเข้าใช้บริการสำหรับคนไทย

27 เมษายน 2568 ฐานเศรษฐกิจ รายงานว่า Inside Asian Gaming หรือ IAG สื่อที่มุ่งเน้นการรายงานข่าวและวิเคราะห์เกี่ยวกับอุตสาหกรรมเกมและกาสิโนในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะการพัฒนารีสอร์ทแบบครบวงจร (Integrated Resorts) และคาสิโนในประเทศต่างๆ รวมถึงประเทศไทย ได้ออกบทความพิเศษเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2568

โดยตอนหนึ่งของบทความได้วิเคราะห์เจาะลึกกรอบกฎหมายและข้อกำหนดหลักของ “ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร” หรือ ร่าง พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ (Entertainment Complex) ในประเทศไทย
 

IAG ระบุ ตอนหนึ่งถึงความพยายามในการพัฒนาอุตสาหกรรมเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ในประเทศไทยได้ก้าวไปอีกขั้นเมื่อรัฐบาลเปิดเผยร่างแรกของพระราชบัญญัติเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

เอกสารสำคัญนี้ให้ภาพรวมที่ชัดเจนเกี่ยวกับแนวทางที่รัฐบาลวางแผนจะใช้ในการออกกฎหมายและควบคุมอุตสาหกรรมกาสิโนที่กำลังจะเกิดขึ้นในประเทศไทย

ฐานเศรษฐกิจสังเคราะห์ข้อมูลจากรายงานดังกล่าวของ IAG พบว่ามีการวิเคราะห์ 4 ประเด็นสำคัญในร่างพ.ร.บ.ที่มีความท้าทายในแง่ของการลงทุนและการเข้าใช้บริการ

1.ข้อกำหนดทางการเงินที่ท้าทาย

ร่างกฎหมาย 22 หน้าฉบับนี้ได้กำหนดเงื่อนไขที่สำคัญสำหรับผู้ประกอบการที่สนใจเข้ามาลงทุน โดยมีข้อกำหนดที่น่าสนใจหลายประการ ผู้สมัครจะต้องเป็นบริษัทเอกชนที่มีทุนจดทะเบียนชำระแล้วไม่น้อยกว่า 10,000 ล้านบาท (ประมาณ 285 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)

และจะต้องมีการลงทุนขั้นต่ำในแต่ละโครงการไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านบาท (ประมาณ 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)

ตัวเลขการลงทุนขั้นต่ำที่ค่อนข้างสูงนี้ แสดงให้เห็นถึงความต้องการของรัฐบาลไทยที่จะดึงดูดเฉพาะผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มีศักยภาพและประสบการณ์สูงเท่านั้น แนวทางนี้สอดคล้องกับโมเดลการพัฒนากาสิโนรีสอร์ทในประเทศเพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์ที่ประสบความสำเร็จ

2.ระยะเวลาใบอนุญาตและข้อกำหนดพื้นที่

จุดเด่นที่น่าสนใจอีกประการหนึ่งของร่างกฎหมายคือระยะเวลาใบอนุญาตที่กำหนดไว้ที่ 30 ปีสำหรับช่วงแรก โดยสามารถต่ออายุได้ครั้งละ 10 ปีหลังจากนั้น

ซึ่งถือว่าเป็นระยะเวลาที่ค่อนข้างยาวและเอื้อต่อการวางแผนธุรกิจระยะยาวของผู้ประกอบการ

ในส่วนของพื้นที่การเล่นเกม ร่างกฎหมายได้เพิ่มสัดส่วนพื้นที่สูงสุดที่จะจัดสรรให้กับการเล่นเกมจาก 5% เป็น 10% ของพื้นที่ทั้งหมดในแต่ละเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ การปรับเพิ่มนี้เกิดขึ้นตามคำขอของกระทรวงการคลัง

สก็อต ฟีนีย์ ผู้อำนวยการบริหารของ GCG Gaming Advisory Services (บริษัทที่ให้คำปรึกษาด้านอุตสาหกรรมเกมและการพนัน) ได้ให้ข้อมูลเปรียบเทียบที่น่าสนใจว่า

“หากเราสมมติพื้นที่รวมทั้งหมดเป็นหนึ่งล้านตารางเมตร ซึ่งมีขนาดประมาณเดียวกับ The Venetian Macao จะอนุญาตให้มีพื้นที่กาสิโน 100,000 ตารางเมตร ซึ่งถือว่าเป็นกาสิโนที่มีขนาดใหญ่มาก เมื่อเปรียบเทียบกับ The Venetian Macao ที่มีพื้นที่กาสิโนประมาณ 40,000 ถึง 50,000 ตารางเมตร และเป็นหนึ่งในกาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในโลก”

3. เงื่อนไขการเข้าใช้บริการของคนไทย

ประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในร่างกฎหมายฉบับนี้คือข้อกำหนดสำหรับคนไทยที่ต้องการเข้าใช้บริการกาสิโน โดยร่างกฎหมายกำหนดให้คนไทยต้องจ่ายค่าธรรมเนียมแรกเข้า 5,000 บาท (ประมาณ 150 ดอลลาร์สหรัฐ)

และตามการแก้ไขที่เสนอในเดือนกุมภาพันธ์ คนไทยยังต้องมีเงินฝากประจำอย่างน้อย 50 ล้านบาท (ประมาณ 1.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 6 เดือน

ข้อกำหนดเรื่องเงินฝาก 50 ล้านบาทนี้ได้สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก เนื่องจากจำกัดกลุ่มคนไทยที่มีคุณสมบัติเข้าใช้บริการเหลือเพียงประมาณ 10,000 บัญชีเท่านั้น จากประชากรทั้งประเทศกว่า 70 ล้านคน ซึ่งนับว่าเป็นสัดส่วนที่น้อยมาก

เควิน เคลย์ตัน ผู้บริหารจาก Galaxy Entertainment Group (GEG) ได้แสดงความคิดเห็นต่อประเด็นนี้ว่า “ไม่มีเขตอำนาจศาลในโลกที่ได้แนะนำอุปสรรคสำหรับการเข้ากาสิโนที่สูงมากสำหรับคนท้องถิ่นและคาดหวังให้เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่ประสบความสำเร็จ”

4. โครงสร้างการกำกับดูแล

ในด้านการกำกับดูแล ร่างกฎหมายกำหนดให้มี “คณะกรรมการนโยบาย” ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เป็นผู้ดูแลอุตสาหกรรม ซึ่งแตกต่างจากแนวปฏิบัติในเขตอำนาจศาลอื่นที่มักมีหน่วยงานกำกับดูแลอิสระ

แนวทางนี้ถูกวิจารณ์ว่าอาจทำให้เกิดการแทรกแซงทางการเมืองและขาดความโปร่งใส ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ

ความเห็นจากนักวิเคราะห์

ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมหลายรายได้แสดงความกังวลว่าข้อกำหนดที่เข้มงวดเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของการเข้าถึงบริการสำหรับคนไทย อาจส่งผลเสียต่อความเป็นไปได้ทางเศรษฐกิจของโครงการ และทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบในการแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีนโยบายที่ยืดหยุ่นกว่า

ขณะนี้รัฐบาลไทยอยู่ระหว่างการพิจารณาปรับปรุงร่างกฎหมายตามข้อเสนอแนะจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่างๆ แต่ยังคงมีความไม่แน่นอนว่ากฎหมายฉบับสุดท้ายจะสามารถสร้างสมดุลระหว่างการควบคุมที่เข้มงวดและเงื่อนไขที่จูงใจให้เกิดการลงทุนได้อย่างไร

ทั้งนี้ หากประเทศไทยต้องการประสบความสำเร็จในการพัฒนาอุตสาหกรรมเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ รัฐบาลจำเป็นต้องคำนึงถึงความเป็นไปได้ทางธุรกิจและบทเรียนจากประเทศที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาอุตสาหกรรมนี้ เช่น สิงคโปร์ มาเก๊า และฟิลิปปินส์ เพื่อสร้างกรอบกฎหมายที่สมดุลและยั่งยืน


ภาพ Generative ด้วย AI

อ้างอิงที่มา : ฐานเศรษฐกิจ