KUBET – คุมตัวจีนอำมหิต ทำแผนสังหารสาว LGBTQ+ พ่อคาใจปอดลูกหายไปหรือไม่
คุมตัวจีนอำมหิต ทำแผนสังหารสาว LGBTQ+ พ่อคาใจปอดลูกหายไปหรือไม่
คุมตัวจีนอำมหิต ทำแผนสังหารสาว LGBTQ+ พ่อแค้นกระโดดถือขวดฟาดหัวผู้ต้องหาบนโรงพัก ยังทำใจไม่ได้สูญเสียลูกรัก เสาหลักของบ้าน หลั่งน้ำตา ลูกเพิ่งทำความฝันสำเร็จ
ความคืบหน้ากรณี นายวรนันท์ พันนาขา หรือ โน๊ต อายุ 25 ปี ชาวจังหวัดหนองคาย สาว LGBTQ+ หน้าตาดี ถูกนายถงหยวน ฟู่ ( Mr.Tongyung Fu ) อายุ 42 ปี ชาวจีน สังหารโหด กรีดหน้าอกตั้งแต่คอ ถึง อวัยะเพศ ก่อนควักหัวใจออกมาวางข้างไหล่ซ้าย ปอดข้างซ้ายหายไปข้าง แล้วยังมีการกรีดเต้านมทั้งสองข้าง นำซิลิโคนออกมาวางกองไว้ด้านนอก จำนวน 2 ชิ้น ก่อนทิ้งศพ หมกในห้องน้ำ ภายในอพาร์ตเม้นต์แห่งหนึ่ง ภายในซอยอรุโณทัย พัทยากลาง ม.9 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ซึ่ง ตำรวจ สภ.เมืองพัทยาได้รับแจ้งเหตุเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 26 เมษายนที่ผ่านมา
ต่อมา ศาลจังหวัดพัทยาอนุมัติออกหมายจับ ก่อนจะสามารถไปควบคุมตัว นายถงหยวน ฟู่ ได้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ ช่วงเย็นเมื่อวานนี้ (26 เม.ย.2568) ขณะเตรียมเผ่นหนี บินกลับเมืองคุนหมิง ประเทศจีน
27 เมษายน 2568 เวลา 12.00 น. พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี , พร้อมด้วย พ.ต.อ.เอนก สระทองอยู่ ผกก.สภ.เมืองพัทยา , พ.ต.ท.อรุษ สภานนท์ รอง.ผกก.(สืบสวน) , พ.ต.ท.สิริวัฒน์ คัชมาตย์ รอง ผกก.(ป.) นำกำลังตำรวจทั้งใน และนอกเครื่องแบบ กว่า 20 นาย คุมตัว นายถงหยวน ฟู่ ( Mr.Tongyung Fu ) อายุ 42 ปี ผู้ต้องหาชาวจีน ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ที่อพาร์ทเม้นท์ที่เกิดเหตุ
โดยระหว่างที่กำลังคุมตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำ ปรากฏว่ามีประชาชนให้ความสนใจมายืนมองดูเหตุการณ์จำนวนมาก จนตำรวจต้องมีการตรึงกำลังและกันพื้นที่ เพราะหวั่นเกิดเหตุไม่คาดฝัน และเกิดความไม่ปลอดภัยกับตัวผู้ต้องหา
ขณะเดียวกัน พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี มีการควบคุมและกำกับการทำแผนประกอบ คำสารภาพของผู้ต้องหาด้วยตัวเอง เริ่มตั้งแต่ ผู้ต้องหามีการพาผู้ตายขึ้นมาบนห้องพัก จากนั้นมีการตกลงราคา และมีการจ่ายเงินให้กับผู้ตาย 8,000 บาท ระหว่างที่กำลังจะเริ่มร่วมรัก ผู้ตายเกิดขัดขืน และ เกิดมีปากเสียงกันอย่างรุนแรง ผู้ต้องหาจึงขอให้คืนเงินมาครึ่งหนึ่ง แต่ผู้ตายไม่ยอม จนเกิดการลงไม้ลงมือกันรุนแรง โดยผู้ตายมีการข่วนหน้าและใช้เท้าถีบเข้าไปที่ใบหน้าของผู้ต้องหา จนฟันสีหน้าหัก 1 ซี่ ทำให้ผู้ต้องหาเกิดความโกรธแค้น กระชากผู้ตายลงมาที่ข้างเตียงนอน แล้วใช้หัวเข่าข้างซ้าย กดไปที่บริเวณลำคอของผู้ตายจนสิ้นใจเสียชีวิต
จากนั้น ก็ลากศพโดยใช้มือทั้งสองข้างดึงที่ขาผู้ตาย เข้าไปในห้องน้ำ แล้วใช้กรรไกรแทงที่บริเวณหน้าท้องแล้วกรีดไปถึงหน้าอก แล้วกรีดนำซิลิโคนที่เสริมหน้าอก มาวางไว้ข้างนอก ก่อนจะตัดหัวใจ มาไว้ที่หัวไหล่ด้านซ้ายของศพ
ซึ่งภายหลังก่อเหตุชำแหละร่างของผู้ตายเป็นที่เรียบร้อย ก็มีการนำผ้าห่ม มาเช็ดตัวผู้ตาย และ ซับคราบเลือดภายในห้องน้ำ จากนั้นก็ไปทิ้งตัวนอนภายในห้อง รอให้ถึงเช้า จึงทำการจองตั๋วเครื่องบิน ก่อนจะเดินออกจากห้องโดยการนั่งวินรถจักรยานยนต์รับจ้างไปขึ้นรถโดยสารย่านพัทยาเหนือ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ ก่อนถูกตำรวจจับกุมได้ดังกล่าว พร้อมทั้งจำนนต่อหลักฐาน เพราะเจอโทรศัพท์มือถือของผู้ตายอยู่ภายในตัวผู้ต้องหา
ต่อมาตำรวจมีการควบคุมตัวผู้ต้องหาชาวจีน ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ อีก 3 จุด ซึ่งจุดแรกคือร้านขายของทุกอย่าง 20 บาท ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 200-300 เมตร จุดที่ 2 คือบริเวณ ท่ารถโดยสารประจำทางสาย เมืองพัทยา – กรุงเทพฯ ย่านถนนพัทยาเหนือ และจุดที่ 3 บริเวณริมชายหาดพัทยาใต้ ก่อนถึงปากทางเข้าถนนวอลค์กิ้งสตรีท ซึ่งเป็นจุดที่ผู้ตายกับผู้ต้องหาเจอกันครั้งแรก ก่อนจะมีการแลกเบอร์โทรติดต่อ ผ่านแอพพลิเคชั่น “วีแชท” จากนั้นได้คุมตัวกลับมาที่โรงพัก
ทั้งนี้ ผู้ต้องหา ยังบอกอีกว่า เพิ่งจะรู้ว่าผู้ตายเป็นสาวประเภท 2 หลังถูกตำรวจจับคุมตัวได้แล้ว
ด้าน พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี เปิดเผยหลังจากมีการทำแผนประกอบคำรับสารภาพเสร็จสิ้น ว่า ในคดีนี้เป็นคดีอึกทึกครึกโครม และพี่น้องประชาชนให้ความสนใจ เพราะเป็นคดีที่มีลักษณะเหี้ยมโหดและทารุณ อีกทั้ง ผบ.ตร. และ ผบช.ภาค 2 ได้ฝากขอบคุณและชื่นชม เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา ทุกนาย ที่ทำงานได้อย่างรวดเร็ว และ สามารถรวบรวมพยานหลักฐาน จนออกหมายจับ และตามไปจับผู้ต้องหาได้ที่สนามบิน ขณะกำลังจะบินหลบหนีกลับประเทศ รวมถึงการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งตำรวจ ตม.และตำรวจท่องเที่ยว
ส่วนในคดีนี้ ตอนแรกผู้ต้องหาปิดปากเงียบไม่ยอมให้การใดๆ แต่สุดท้ายก็จำนนต่อหลักฐาน เพราะในตัวพบโทรศัพท์มือถือของผู้ตาย ก่อนจะยอมรับสารภาพว่า ลงมือสังหาร เพราะผู้ตายไม่ยอมให้ร่วมรัก และถูกผู้ตายใช้เท้าถีบจนฟันหน้าหัก ด้วยความโมโห จึงใช้หัวเข่ากดที่คอจนผู้ตายสิ้นใจ จากนั้นก็ลากศพเข้าไปในห้องน้ำ ด้วยความที่เคยดูในซีรี่มาก อยากรู้ว่าภายในของศพเป็นเช่นไร จึงใช้กรรไกรกรีดตั้งแต่ท้องจนถึงหน้าอก โดยผู้ต้องหามีอาชีพเป็นช่างเชื่อมจึงทำให้ข้อมือค่อนข้างจะแข็งแรงมากจนสามารถกรีดศพให้เป็นแนวตรง ก่อนจะกรีดเต้านม นำซิลิโคน ที่เสริมหน้าอกมา และ หัวใจ นำออกมากองไว้ด้านนอก
ในส่วนเรื่องที่เป็นประเด็นทางสังคมเกี่ยวกับเรื่อง การค้ามนุษย์และการค้าอวัยวะ ในเรื่องนี้ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ต้องรอผลนิติวิทยาศาสตร์และผลชันสูตรร่างของผู้ตายว่า มีอวัยวะส่วนใดหายไปหรือไม่
เบื้องต้น คดีนี้ ตำรวจมีการแจ้งข้อกล่าวหา “ฆ่าผู้อื่น และ ข้อหาลักทรัพย์” เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่มีการควบคุมตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบการรับสารภาพ ที่บริเวณจุดที่ 2 ซึ่งเป็นจุดที่ผู้ต้องหามีการมาซื้อของภายในร้านขายของทุกอย่าง 20 บาท ปรากฏว่า นายอ้วน พันนาขา อายุ 61 ปี (พ่อของผู้เสียชีวิต) พร้อมกับพี่สาวคนโตและคนรอง รวมถึงญาติๆ กว่า 10 ชีวิต ได้มายืนสังเกตการณ์ ดูหน้าผู้ต้องหา ด้วยความโกรธแค้น และ ร้องไห้เศร้าเสียใจ มีบางช่วงที่ทางญาติๆ ตะโกนด่าสาปแช่งผู้ต้องหาที่ลงมือก่อเหตุด้วยความโกรธแค้น จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเข้ามาควบคุมสถานการณ์ หวั่นเกิดเหตุบานปลาย
ต่อมา นายอ้วน พันนาขา อายุ 61 ปี พ่อของโน๊ต(ผู้เสียชีวิต) หลั่งน้ำตาเปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า ตอนนี้ ยังทำใจไม่ได้ ซึ่ง 4 ปี ก่อน “น้องโน้ต” ขอครอบครัวเดินทางไปทำงานที่ไต้หวัน โดยเรียนภาษาจีนควบคู่ไปด้วย จนสามารถพูดภาษาจีนได้อย่างคล่องแคล่ว และหลังจากอยู่ไต้หวัน 2 ปี เดินทางมาอยู่พัทยา พ่อแม่และครอบครัว ก็เดินทางมาเที่ยวหาน้องโน้ตอยู่เป็นระยะ น้องโน้ต เป็นคนจิตใจดี ขี้อาย และเป็นเสาหลักของที่บ้าน ส่งเงินให้ทางบ้านเดือนละ 10,000 บาท ไม่รวมของซื้อของใช้ หรือสิ่งของที่พ่อแม่หรือครอบครัวอยากได้ น้องโน้ตก็จะซื้อไม่เคยขัด
ล่าสุดเพิ่งทำความฝันสำเร็จ คือ สร้างบ้านไว้ให้พ่อแม่ 1 หลัง และ 2-3 เดือนก่อน น้องโน้ตสัญญาว่า จะพาพ่อแม่ไปเที่ยวเมืองจีน แต่ก็เกิดเหตุเสียก่อน ทั้งนี้ ทางพ่ออยากให้ทางการ ช่วยเหลือเยียวยาครอบครัว ส่วนคดียืนยันว่า ขอดำเนินคดีถึงทึ่สุด อยากให้คนก่อเหตุได้รับโทษประหาร
ส่วนอีกเรื่องที่ติดใจ คือ ปอดของน้องโน้ตหายไปหรือไม่อย่างไร เพราะรายงานทางตำรวจยังไม่แน่ชัด โดย นายอ้วน เล่าอีกว่า ก่อนหน้านี้มีเรื่องแปลกๆเกิดขึ้น โดยมีหมอดูทักว่า หากแม่อายุครบ 60 ปี ระวังจะเสียของรัก ทางแม่ก็คิดว่า เหตุร้ายจะเกิดขึ้นกับพ่อ ไม่คาดคิดว่าจะเกิดกับน้องโน้ต
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ระหว่างที่กำลังคุมตัวผู้ต้องหาชาวจีน กลับขึ้นไปที่ห้องควบคุมขัง ปรากฏว่าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เมื่อนายอ้วน พันนาขา (พ่อของผู้ตาย) รวมถึงพี่สาวคนโตและคนรองและญาติพี่น้อง ได้ปรี่เข้าไปรุมประชาทัณฐ์ผู้ต้องหาจนเกิดเหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวาย โดยผู้เป็นพ่อ ได้ถือขวดพลาสติกฟาดที่ใบหน้าของผู้ต้องหาอย่างแรง จนตัวเองล้มทั้งยืน ก่อนจะถูกตำรวจกันไม่ให้เข้าถึงตัว จากนั้น ตำรวจได้รีบนำผู้ต้องหา เข้าห้องขังทันที ก่อนจะมีเสียงญาติพี่น้องตะโกนด่าสาปแช่ง และร้องไห้ลั่นโรงพัก ด้วยความโกรธแค้นเสียใจ