วอลล์สตรีทเจอร์นัล รายงานเมื่อวันจันทร์ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เตรียมประกาศโครงสร้างภาษีศุลกากรใหม่สำหรับการนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์ เพื่อหลีกเลี่ยงการทับซ้อนกับภาษีตัวอื่น ๆ ที่บังคับใช้ไปแล้ว ปัจจุบันรัฐบาลทรัมป์ขึ้นภาษีเป็นอัตรา 25% สำหรับรถยนต์นำเข้าเกือบทั้งหมด และภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมอีก 25% ซึ่งโลหะทั้ง 2 ชนิดเป็นวัตถุดิบหลักของการผลิตรถยนต์

ล่าสุดโฮเวิร์ด ลุตนิค รัฐมนตรีพาณิชย์ ยืนยันว่า ประธานาธิบดีทรัมป์บรรลุข้อตกลงกับผู้ผลิตรถยนต์เพื่อผ่อนคลายภาษีสำหรับอุตสาหกรรมนี้  และเป็นชัยชนะครั้งสำคัญสำหรับนโยบายการค้าของประธานาธิบดีในการให้รางวัลแก่บริษัทที่ผลิตรถยนต์ในสหรัฐฯ และการสนับสนุนผู้ผลิตที่ตั้งใจลงทุนในอเมริกา และขยายการผลิตภายในประเทศ แต่เขาไม่ได้ให้รายละเอียดใด ๆ

ขณะที่เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว บอกว่า ประธานาธิบดีทรัมป์เตรียมประกาศข่าวปรับภาษีรถยนต์ระหว่างเยือนรัฐมิชิแกน ที่เป็นหัวใจของอุตสาหกรรมรถผยนต์ของสหรัฐฯ ในโอกาคครบ 100 วันแรกของการดำรงตำหน่งประธานาธิบดี

อุตสาหกรรมรถยนต์ได้รับผลกระทบจากการขึ้นภาษีเป็น 25% สำหรับการนำเข้ารถยนต์ที่เริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน และกำลังจะได้รับความเสียหายเพิ่มขึ้นจากภาษีนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์ 25% ที่จะเริ่มบังคับใช้ในวันที่ 3 พฤษภาคมนี้ ผู้เชี่ยวชาญ คาดว่า ภาษี 25% จะทำให้ต้นทุนการผลิตรถหรือนำเข้ารถเพิ่มขึ้นคันละหลายพันดอลลาร์  และตลาดอาจมีรถยนต์จำหน่ายลดลงด้วย

บรรดาผู้ผลิตและดีลเลอร์พยายามล็อบบี้ให้รัฐบาลผ่อนปรนภาษี มิฉะนั้นจะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อชาวอเมริกัน, ซัพพลายเชนหรือห่วงโซ่อุปทานชะงักงัน และยอดซื้อรถยนต์จะหดหายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

และหลังทราบข่าวการผ่อนแมรี บาร์รา ซีอีโอ ของ เจเนอรัล มอเตอร์ส ออกแถลงการณ์ขอบคุณที่ทรัมป์สนับสนุนอุตสาหกรรมรถยนต์ของสหรัฐฯ และเชื่อว่าภายใต้การนำของทรัมป์จะช่วยเพิ่มโอกาสให้กับหลายบริษัทอย่าง จีเอ็ม ที่จะทำให้ลงทุนในสหรัฐฯ ได้มากขึ้น

นอกจากนี้หุ้นของผู้ผลิตรถยนต์หลายรายในเอเชียพากันดีดตัวสูงขึ้นในวันนี้ โดยหุ้นของโตโยตา พุ่งขึ้น 3.6% นิสสันขยับขึ้น 2.3% และฮุนไดปรับขึ้น 1.2%