11 พฤษภาคม 2568 เวลา 01.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สิเกา จ.ตรัง รับแจ้งเหตุฆ่าเผานั่งยางภายในสวนปาล์มน้ำมัน พื้นที่หมู่ 1 ต.กะลาเส อ.สิเกา จ.ตรัง จึงไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุ เป็นสวนปาล์มน้ำมันเปลี่ยวและเดินทางด้วยความยากลำบาก หากลึกไปจากถนนตรัง-สิเกา ไปตามถนนลูกรังกว่า 5 กม. สภาพเป็นสวนปาล์มรกทึบ พบควันไฟพวยพุ่งขึ้นมาจากร่องสวนปาล์มความลึกประมาณ 2 เมตร

ที่เกิดเหตุ พบเศษยางรถยนต์นับ 10 เส้น ไหม้ดำเป็นตอตะโก เหลือเพียงเส้นลวดภายในยาง และพบชิ้นส่วนคล้ายเศษเนื้อและอวัยวะมนุษย์ปะปนอยู่แล้วไหม้ดำไปแล้วเกือบทั้งหมด เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองพิสูจน์หลักฐาน และหน่วยกู้ภัยได้ เข้าเก็บชิ้นส่วน พบร่างมนุษย์ในกองเถ้าถ่านจำนวน 3 ร่าง จึงนำส่งชันสูตรเพื่อหาร่องรอยหลักฐานที่เกี่ยวข้องตามกระบวนการกฎหมายต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีดังกล่าวเป็นเหตุสะเทือนขวัญ ทำให้ตลอดทั้งวัน ตั้งแต่ช่วงเช้า ตำรวจภูธรจังหวัดตรัง นำโดย พล.ต.ต.ภัทรวิชญ์ คีตโมทนียกุล ผบก.ภ.จว.ตรัง เร่งลงพื้นที่พร้อมหน่วยที่เกี่ยวข้อง ทั้งกองบังคับการปราบปราม เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สิเกา ฝ่ายสืบสวน รวมถึงเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง นำโดยนายมานิตย์ ท่าจีน นายอำเภอสิเกา ร่วมตรวจพื้นที่ คลี่คลายคดีและเก็บพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุทั้งหมดอย่างละเอียด

จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียด พบว่าเป็นร่องสวนปาล์มติดกับขนำร้างคอนกรีตมุงกระเบื้อง เจ้าของสวนสร้างเอาไว้ให้คนงานหลบแดดฝน แต่ไม่มีผู้พักอาศัย เจ้าหน้าที่พบร่องรอยที่เป็นเบาะแสจำนวนมาก อาทิ กองเลือด ปลอกกระสุน แกลลอนน้ำมัน จึงเก็บรวบรวมไว้ทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม ขณะเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุอย่างละเอียดในระยะประมาณ 500 เมตร พบหลุมฝังศพ 1 หลุม มีร่องรอยถูกเผาทิ้ง โดยมีการฝังกลบเอาไว้เช่นกัน แต่สภาพศพเหลือแต่โครงกระดูก และคาดว่าเสียชีวิตมาไม่น้อยกว่า 1 เดือนแล้ว ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องระดมตรวจสอบพื้นที่อย่างละเอียดเพิ่มเติม

เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนรายหนึ่ง ให้ข้อมูลว่า กรณีเผานั่งยาง 3 ศพแรก เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนหาเบาะแส จนทราบว่า ผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ศพที่ถูกเผานั่งยาง คือ คนงานดูแลสวนเพราะมีอัตลักษณ์บางส่วนในชิ้นส่วนศพ อาทิ ท่อนเหล็กดามขาคนงานรายหนึ่ง โดยมีนายสุรเชษฐ์ ชาวบ้านต.ทรายขาว อ.คลองท่อม จ.กระบี่เป็นหัวหน้าคนงานรับผิดชอบดูแลสวนปาล์มดังกล่าวแทนเจ้าของเนื้อที่กว่า 170 ไร่

โดยมีนายเรืองศักดิ์ บุตรชายนายสุรเชษฐ์ ออกมาระบุว่า 1 ในผู้เสียชีวิตน่าจะเป็นพ่อตนเอง พร้อมให้ข้อมูลด้วยว่า พ่อเป็นหัวหน้าคนงานดูแลสวนปาล์มดังกล่าว ตามปกติจะเข้ามาตรวจตราสวนปาล์มไม่เกิน 6 โมงเย็นต้องกลับถึงบ้านทุกวัน แต่วันเกิดเหตุติดต่อไม่ได้ โทรหาก็ไม่ติด กระทั่งเวลาประมาณ 21.00 น. จึงระดมกันออกตามหา

กระทั่งช่วงดึก ได้เข้ามาตรวจสอบภายในสวนปาล์ม ที่เกิดเหตุ พบร่องรอยการเผานั่งยางดังกล่าว จึงได้แจ้งตำรวจเข้ามาตรวจสอบ

รายงานข่าวจากพื้นที่แจ้งว่า ที่ผ่านมา เกิดกรณีปัญหาโจรเข้ามาลักขโมยผลปาล์มในพื้นที่บ่อยครั้ง แม้ทั้งฝ่ายตำรวจและปกครองในพื้นที่จะเข้มงวดตรวจตรา แต่เนื่องจากเป็นพื้นที่กว้าง มีการปลูกปาล์มจำนวนมาก โดยเฉพาะสวนปาล์มของนายทุนและบริษัทใหญ่ซึ่งกินพื้นที่หลายร้อยไร่ โดยเฉพาะสวนปาล์มที่เกิดเหตุก็เกิดปัญหาโจรเข้ามาลักขโมยปาล์มเช่นกัน ทำให้เจ้าของต้องจัดคนงานมาเฝ้าดูแล

เบื้องต้นคาดว่าสาเหตุมาจากความขัดแย้งเกี่ยวกับผลปาล์มน้ำมัน และการลักขโมยผลผลิต เนื่องจากสภาพภายในสวนปาล์มมีร่องรอยการตัดผลผลิต ข้าวของเครื่องใช้ อาทิ จาน ชาม ช้อน ที่ไม่ใช่ของคนงาน

ส่วนผู้ก่อเหตุเผานั่งยางทั้ง 3 ศพ คาดว่ามีไม่ต่ำกว่า 4 คน โดยหลังก่อเหตุได้ชิงรถกระบะของผู้เสียชีวิตหลบหนีไปด้วย ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน พร้อมระดมเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนลงพื้นที่เกาะรอยคนร้ายทันที เพื่อตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้ต่อไป