คริสตี โนม รัฐมนตรีความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ โพสต์ใน X เมื่อวันพฤหัสบดี (22 พฤษภาคม) ว่า รัฐบาลได้เพิกถอนใบอนุญาตสำหรับโครงการนักศึกษาและนักศึกษาแลกเปลี่ยน (Student and Exchange Visitor Program) ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย และระบุด้วยว่า มาตรการนี้เป็นคำเตือนถึงมหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษาทั้งหมดทั่วประเทศด้วย

การตัดสินใจของรัฐบาลจะทำให้ฮาร์วาร์ดไม่สามารถรับนักศึกษาต่างชาติใหม่เข้าเรียนได้ และจะส่งผลกระทบต่อนักศึกษาต่างชาติที่กำลังศึกษาอยู่  โดยในปีที่แล้ว มีนักศึกษาต่างชาติลงทะเบียนเรียนกว่า 6,700 คน หรือคิดเป็น 27% ของนักศึกษาทั้งหมด และนักศึกษาต่างชาติที่กำลังศึกษาอยู่จะต้องย้ายไปเรียนที่มหาวิทยาลัยอื่น เพื่อรักษาสถานะทางกฎหมายที่ได้รับอนุญาตให้พำนักในสหรัฐฯ

ขณะที่ฮาร์วาร์ด ออกแถลงการณ์ระบุว่า คำสั่งของรัฐบาลไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และมหาวิทยาลัยยืนยันปกป้องสิทธิในการรับนักศึกษาและนักวิชาการต่างชาติ

การเคลื่อนไหวล่าสุดของรัฐบาลภายใต้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทำให้มีเสียงวิจารณ์ในจีนอย่างกว้างขวาง ท่ามกลางการจับตาการแข่งขันและความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และจีน ที่ยกระดับมากยิ่งขึ้น

โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีน แถลงในวันศุกร์ว่า จีนคัดค้านอย่างต่อเนื่องสำหรับการทำให้การทำงานร่วมกันทางการศึกษากลายเป็นเรื่องการเมือง และการกระทำของสหรัฐฯ จะทำลายภาพลักษณ์และชื่อเสียงของตัวเองในเวทีโลก

จีนเป็นประเทศที่มีจำนวนนักศึกษาเข้าเรียนในสหรัฐฯ มากที่สุดติดต่อกัน 15 ปี นับจากปี 2552 ก่อนถูกแซงโดยนักศึกษาจากอินเดียในปีที่แล้ว และความสัมพันธ์ทางการศึกษาระหว่างสหรัฐฯ และจีน ทำให้นักวิชาการและสถาบันการศึกษาจีนและสหรัฐฯ มีความใกล้ชิดกันอย่างมาก แต่ความสัมพันธ์ดังกล่าวถูกตรวจสอบมากยิ่งขึ้นในช่วงหลายปีนี้ โดยสหรัฐฯ เริ่มมองว่า จีนเป็นคู่แข่งทางเทคโนโลยีและภัยคุกคามต่อสถานะมหาอำนาจของตัวเอง

ในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตรวจสอบมหาวิทยาลัยหลายสิบแห่งทั่วประเทศ  และบีบบังคับให้ปฏิบัติตามข้อเรียกร้องบางอย่าง เพื่อต้องการควบคุมการเคลื่อนไหวของนักศึกษาและเจ้าหน้าที่ต่างชาติ เพราะเชื่อว่ามีส่วนร่วมในการประท้วงภายในมหาวิทยาลัยเพื่อต่อต้านสงครามระหว่างอิสราเอลและฮามาส

และในเดือนเมษายน มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ออกมาตอบโต้ด้วยการประกาศว่าจะยื่นฟ้องรัฐบาลทรัมป์ หลังส่งข้อเรียกร้องมากมายให้ปฏิบัติตาม  โดยระบุให้ฮาร์วาร์ดเปลี่ยนแนวทางการว่าจ้าง การรับสมัคร และการสอน เพื่อช่วยลดกระแสต่อต้านชาวยิวในสถานศึกษา และขู่เพิกถอนสถานการณ์ได้รับยกเว้นภาษี และอายัดเงินสนับสนุนหลายพันล้านดอลลาร์จากรัฐบาล พร้อมกับขู่ว่า จะยกเลิกสถานะไม่ต้องเสียภาษีของฮาร์วาร์ด และจะอายัดเงินทุนสนับสนุนจากรัฐบาลมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ แต่ต่อมาทำเนียบขาว แย้งว่า เอกสารดังกล่าวถูกส่งด้วยความผิดตลาด

ขณะที่จดหมายของรัฐมนตรีความมั่นคงแห่งมาตุภูมิเมื่อวันพฤหัสบดี ระบุว่า ฮาร์วาร์ดมีเวลา 72 ชม.ในการปฏิบัติตามเพื่อให้คงสถานะที่จะสามารถรับนักศึกษาต่างชาติ  โดยมหาวิทยาลัยจะต้องมอบบันทึกทางวินัยทั้งหมดของนักศึกษาต่างชาติที่เข้าเรียนในฮาร์วาร์ดในช่วง 5 ปี และบันทึกอิเล็กทรอนิกส์, วิดีโอ หรือ เสียงที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมผิดกฎหมาย หรือ อันตราย หรือมีความรุนแรง โดยนักศึกษาต่างชาติภายในมหาวิทยาลัย