สหพันธ์ฟุตบอลอิตาลี (FIGC) ตัดสินใจมอบหมายหน้าที่ให้ เจนนาโร่ กัตตูโซ่ อดีตมิดฟิลด์ฮาร์ดแมนของเอซี มิลาน และทีมชาติอิตาลี เป็นเฮดโค้ชคนใหม่ของ “อัซซูรี่” หลังจากการปลด ลูชาโน่ สปัลเล็ตติ และการปฏิเสธรับตำแหน่งของ เคลาดิโอ รานิเอรี่

แม้ยังไม่มีประกาศทางการ แต่ จานลุยจิ บุฟฟ่อน ผู้อำนวยการทีมชาติอิตาลี ยืนยันข่าวนี้หลังเกมที่อิตาลี U21 เอาชนะสโลวาเกีย

โดย กัตตูโซ่ พร้อมเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการภายในสัปดาห์หน้า พร้อมมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันศุกร์

ทีมสตาฟฟ์ชุดใหม่

การแต่งตั้งครั้งนี้ FIGC วางแผนสร้างทีมงานโดยนำอดีตแชมป์โลกกลับมาช่วยฟื้นฟูทีมชาติ

ซึ่งตามรายงานจากอิตาลี ทีมสตาฟฟ์ของกัตตูโซ่ จะประกอบไปด้วย:

• เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ 
• อันเดรีย บาร์ซาญี่ 
• จานลูก้า ซามบร็อตต้า 
• ซิโมเน่ แปร์ร็อตต้า
• เชซาเร่ ปรันเดลลี่ (อดีตกุนซือทีมชาติชุดฟุตบอลโลก 2014) รับบทผู้อำนวยการเทคนิค

แนวคิดของ FIGC คือการดึงบุคคลที่เคยสัมผัสความสำเร็จสูงสุดของทีมชาติกลับมาร่วมฟื้นฟูโครงการทีมชาติ ตั้งแต่ระดับเยาวชนไปจนถึงชุดใหญ่

ทำไมต้องเป็นกัตตูโซ่?

จากตัวเลือกสุดท้ายในบัญชีรายชื่อที่มีทั้ง ฟาบิโอ คันนาวาโร่, ดานิเอเล่ เด รอสซี่ และ กัตตูโซ่ ทาง FIGC มองว่า “ริงโญ่” คือคนที่มีประสบการณ์คุมทีมชุดใหญ่มากที่สุด แม้สถิติการคุมทีมในระดับสโมสรของกัตตูโซ่จะมีทั้งช่วงเวลาที่ดีและไม่ดี (มิลาน, นาโปลี, บาเลนเซีย, มาร์กเซย, ไฮจ์ดุ๊ก สปลิท) แต่สิ่งที่โดดเด่นคือ คาแรคเตอร์ความเป็นผู้นำและความภักดีต่อทีม

เหนือสิ่งอื่นใด กัตตูโซ่มีคุณสมบัติที่อิตาลีกำลังต้องการมากที่สุดตอนนี้ นั่นคือ “การปลุกเร้าและสร้างความภาคภูมิใจให้การเล่นเพื่อเสื้อทีมชาติ”

วิกฤตที่รอการเยียวยา

ปัญหาหลักของอิตาลีไม่ได้อยู่ที่ระบบการเล่นเพียงอย่างเดียว แต่คือ “ขวัญกำลังใจ” และ “ความหิวกระหาย” ที่ลดลงในนักเตะยุคหลัง

ปัจจุบันขุมกำลัง อัซซูรี่ ถูกมองว่ามีศักยภาพต่ำที่สุดในรอบหลายทศวรรษ ชื่อของนักเตะระดับท็อปมีเพียง จานลุยจิ ดอนนารุมม่า, นิโคโล่ บาเรลล่า (เมื่อสมบูรณ์), ซานโดร โตนาลี่ และ อเลสซานโดร บาสโตนี่ ส่วนขุมกำลังที่เหลือ อยู่ในระดับ “ดีแต่ไม่โดดเด่น” เมื่อเทียบกับแข้งชั้นนำจากชาติอื่น ๆ ในยุโรป

นอกจากนี้ อิตาลียังเสี่ยงพลาดฟุตบอลโลกเป็นสมัยที่สามติดต่อกัน หากไม่สามารถสร้างความมั่นคงทางจิตใจให้ทีมได้ทันเวลา

สไตล์กัตตูโซ่ที่จะเปลี่ยนทีมชาติ

สิ่งที่กัตตูโซ่นำมาสู่ทีมชาติอิตาลีมีมากกว่าความดุดันหรือภาพลักษณ์โค้ชจอมวินัย

1. เป็นผู้นำทางอารมณ์: พร้อมทุ่มเททุกอย่างให้ลูกทีม ถ้าลูกทีมทุ่มเทเต็มที่กับทีมชาติ
2. พร้อมปกป้องลูกทีม: ช่วยสร้างบรรยากาศความเชื่อใจภายในทีม และป้องกันคำวิจารณ์จากสื่อและแฟนบอล
3. คัดคนที่ทุ่มเทจริง: นักเตะที่ขาดความกระตือรือร้น หรือส่งใบแพทย์บ่อย ๆ อาจหมดสิทธิ์ติดทีมชาติยุคนี้
4. กล้าปั้นดาวรุ่ง: เหมือนที่เคยให้โอกาส แพทริก คูโตรเน่ แจ้งเกิดกับเอซี มิลาน

เส้นทางที่เดิมพันด้วยอนาคต

กัตตูโซ่จะเริ่มภารกิจแรกกับทีมชาติอิตาลีในวันที่ 5 กันยายนนี้ ที่แบร์กาโม่ พบกับทีมชาติเอสโตเนีย

แม้เขาจะเข้ามาในช่วงเวลาที่ยากที่สุดของวงการฟุตบอลอิตาลี แต่ก็ต้องยอมรับว่าโอกาสครั้งนี้คือทั้ง “งานในฝัน” และ “กับดัก” ในเวลาเดียวกัน

• ถ้าพาอิตาลีไปฟุตบอลโลก 2026 ได้ → ถือว่าทำตามเป้าขั้นต่ำ
• ถ้าพลาด → ชื่อเสียงการคุมทีมของกัตตูโซ่อาจเสียหายระยะยาว

…

แม้เส้นทางของกัตตูโซ่กับทีมชาติอิตาลีจะเต็มไปด้วยความท้าทายและความเสี่ยง แต่ในช่วงเวลาที่ “อัซซูรี่” ต้องการคนปลุกขวัญอย่างเร่งด่วน การได้ผู้นำที่มีทั้งหัวใจนักสู้และประสบการณ์แชมป์โลกอย่าง “ริงโญ่” อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการคืนชีพศักดิ์ศรีลูกหนังแดนมะกะโรนีอีกครั้ง