KUBET – รวบเมียนมาหื่น มีดจี้ ด.ญ.วัย 14 หวังขืนใจ โชคดี รปภ.- ชาวบ้านช่วยได้ทัน
รวบเมียนมาหื่น มีดจี้ ด.ญ.วัย 14 หวังขืนใจ โชคดี รปภ.- ชาวบ้านช่วยได้ทัน
ชุดสืบสวน สภ.กมลา สนธิกำลัง ผญบ. บุกรวบหนุ่มเมียนมาหื่น มีดจี้ล็อกคอ ด.ญ.วัย 14 ปี หวังขืนใจ โชคดี รปภ.-ชาวบ้าน เห็นพิรุธ รีบช่วยไว้ทัน
25 มกราคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (24 ม.ค.68) พ.ต.อ.สมศักดิ์ ทองเกลี้ยง ผกก.สภ.กมลา ต.กมลา อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต สั่งการให้ชุดสืบสวน สภ.กมลา สนธิกำลังร่วมกับผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 หมู่ 3 และหมู่ 5 ต.กมลา ตลอดจนผู้นำชุมชนในส่วนที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ต.กมลา อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต นำกำลังเข้าตรวจสอบและจับกุมนายฮัน โม ออง อายุ 39 ปี สัญชาติเมียนมา ผู้ต้องหา “เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยปราศจากเหตุอันสมควร, พรากเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดา เพื่อการอนาจารและข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิตร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจ จนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น โดยใช้อาวุธมีดและหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกาย, พกพาอาวุธไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะ”
เหตุเกิดบริเวณหน้าปากซอยบลูม่า ม.3 ถ.บางหวาน ต.กมลา อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต เวลา 05.55 น.วันที่ 24 ม.ค.68 โดยจับกุมตัวได้ที่แคมป์คนงานไม่มีเลขที่ หมู่ 3 ต.กมลา อ.กะทู้ ควบคุมตัวพร้อมของกลางมีดพับ และเสื้อผ้าที่ผู้ต้องหาใส่ขณะก่อเหตุ เป็นเสื้อโปโลแขนสั้นคอปกสีเทา 1 ตัว กางเกงขาสั้นสียีนส์ 1 ตัว รองเท้าขาว 1 คู่ไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่ สภ.กมลา
สืบเนื่องเมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 24 ม.ค.68 นางยา (นามสมมติ) อายุ 43 ปี มารดาของ ด.ญ.ซี (นามสมมติ) อายุ 14 ปี พร้อมด้วยนายเลิศ (นามสมมติ) คนขับรถรับส่งนักเรียนได้เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.กมลา เพื่อแจ้งว่า ด.ญ.ซี ถูกคนร้ายไม่ทราบชื่อ และสัญชาติพยายามจะกระทำอนาจารขณะยืนรอรถมารับไปโรงเรียน เมื่อช่วงเวลา 05.50 น.วันที่ 24 ม.ค.2568 เหตุเกิดที่บริเวณปากซอยบลูม่า ต.กมลา อ.กะทู้ หลังจากนายเลิศ คนขับรถรับส่งนักเรียนแบบจ้างรายเดือนออกไปรับนักเรียนช้ากว่าปกติราว 5 นาที
เมื่อถึงจุดรับส่งที่ ด.ญ.ซี จะยืนรอขึ้นอยู่เป็นประจำ ปรากฎว่า ด.ญ.ซี ไม่อยู่ที่จุดรับ พบเพียงเสื้อแจ็คเก็ตสีฟ้าตกอยู่ นายเลิศ คนขับรถจำได้ว่าเสื้อเจตเก็ตตัวดังกล่าวเป็นของ ด.ญ.ซี ที่สวมใส่อยู่เป็นประจำ จึงขับรถเข้าไปในซอย พบกับ ด.ญ.ซี ยืนร้องไห้อยู่ที่หน้าโรงแรม โดยมีกลุ่มชาวบ้าน 2-3 คนยืนปลอบ ด.ญ.ซี อยู่ใกล้ๆ
สอบถามทราบว่ามีชายไม่ทราบชื่อวัยกลางคนได้มาถาม ด.ญ.ซี ว่า รถยังไม่มาหรอ แต่ ด.ญ.ซีไม่ได้ตอบ หลังจากนั้นชายดังกล่าวได้เดินมาใกล้ตัว ด.ญ.ซี แล้วล็อกคอพร้อมกับใช้มีดจี้คอ ด.ญ.ซี และพาเข้าไปในซอย เพื่อหวังที่จะกระทำอนาจาร แต่เมื่อถึงหน้าโรงแรมได้มี รปภ.ของโรงแรมและกลุ่มชาวบ้านเห็น จึงได้ให้การช่วยเหลือ ด.ญ.ซี ไว้ได้ทัน
จากนั้นนายเลิศ คนขับรถได้พา ด.ญ.ซี ไปส่งที่โรงเรียน เนื่องจากมีสอบ หลังจากเมื่อ ด.ญ.ซี สอบเสร็จ นายเลิศคนขับรถได้โทรศัพท์แจ้งครอบครัวและนำ ด.ญ.ซี เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.กมลา เพื่อติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยด่วน
เบื้องต้นคาดว่า คนร้ายเป็นแรงงานต่างด้าวที่อยู่บริเวณใกล้เคียง เนื่องจาก ด.ญ.ซี ระบุว่า พูดภาษาไทยไม่ชัด พนักงานสอบสวนจึงรายงาน พ.ต.อ.สมศักดิ์ ทองเกลี้ยง ผกก.สภ.กมลา สั่งการให้ชุดสืบสวน สภ.กมลาออกสืบหาเบาะแสคนร้าย ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ต.กมลา เช่น ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 และผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 หลังพบรูปพรรณผู้ต้องสงสัยจากกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆ ทำให้ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่สามารถจดจำรูปพรรณคนร้ายได้ จนนำไปสู่การจับกุมตัวผู้ต้องหาได้อย่างรวดเร็วภายใน 12 ชม.
ด้าน พ.ต.อ.สมศักดิ์ ทองเกลี้ยง ผกก.สภ.กมลา เปิดเผยว่า หลังพนักงานสอบสวนได้รับแจ้งเหตุ ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนออกหาเบาะแสคนร้ายทันที ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ต.กมลา อ.กะทู้ ที่ช่วยกันหาข้อมูลและเบาะแสของคนร้าย จนพบกล้องวงจรปิดที่ปรากฎภาพคนร้ายกำลังเดินอยู่ ทำให้ผู้ใหญ่บ้านสามารถจดจำรูปพรรณของคนร้ายได้ พบว่าเป็นแรงงานต่างด้าวที่พักอาศัยอยู่ในแคมป์คนงานหมู่ 3 ต.กมลา อ.กะทู้ จึงเป็นที่มาของการขยายผลจับกุมตัวคนร้ายได้ในที่สุด
ขณะที่ในช่วงเวลาเกิดเหตุ คนร้ายพยายามพาน้องนักเรียนผู้เสียหายเข้าไปในซอย แต่พบ รปภ.ของโรงแรมและกลุ่มชาวบ้าน ทำให้น้องนักเรียนผู้เสียหายรอดพ้นจากภัยอันตราย ซึ่งต้องขอขอบคุณ รปภ.และกลุ่มชาวบ้านในซอยบลูม่า หมู่ 3 ต.กมลา อ.กะทู้ที่ได้เข้าให้การช่วยเหลือผู้เสียหายทันทีเมื่อเห็นความผิดปกติ
และนี้คือ ความร่วมมือของชุมชนเข้มแข็งของ ต.กมลา อ.กะทู้ ที่มีผู้ใหญ่บ้านที่ใส่ใจลูกบ้านและให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่บ้านเมืองด้วยดีเสมอมา ทำให้เมื่อเกิดเหตุร้ายในพื้นที่จะสามารถแก้ไขเหตุการณ์ได้อย่างรวดเร็ว อย่างเช่นคดีนี้ ถ้าไม่มีผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ให้ความร่วมมือ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะคงยังไม่รู้ว่าคนร้ายที่ก่อเหตุเป็นใคร พักอาศัยอยู่หมู่ใด สุดท้ายอยากฝากผู้ปกครองควรออกมาส่งบุตรหลานที่ออกมารอขึ้นรถในที่เปลี่ยว จะทำให้บุตรหลานของเราปลอดภัย ไร้เหตุการณ์อันตรายต่อเด็กๆ