5 กรกฎาคม 2568 ในยุคของสงครามสมัยใหม่ ที่เน้นการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงสุดเท่าที่มนุษย์จะคิดค้นขึ้นได้ เพื่อทำให้เป็นสุดยอดอาวุธที่ใช้โจมตีศัตรูแบบหวังผล 100% โดยเฉพาะอากาศยานที่จะขึ้นไปอยู่บนห่วงโซ่สูงสุดของน่านฟ้า เพื่อบอกศัตรูว่า “อย่ายุ่งกับเรา” และกองทัพสหรัฐฯ ก็ทำสำเร็จด้วยการครอบครอง “B-2 Spirit Stealth Bomber” เครื่องบินทิ้งระเบิดที่ใช้เทคโนโลยีพรางตัว หรือ ล่องหน ที่ได้รับฉายาว่า “เพชฌฆาตล่องหน” ที่ควบคู่มากับวลีที่ว่า   “ถ้าคุณมองเห็นมัน แสดงว่าคุณไม่ใช่เป้าหมายมัน” (If you can see it, you’re not the target)​ และผู้ที่ครอบครองมันมีเพียงกองทัพอากาศสหรัฐฯ เท่านั้น

ด้วยราคาที่สูงถึงลำละ 2.1 พันล้านดอลลาร์ หรือราว ราว 77,000 ล้านบาท ทำให้เกิดความสนใจไปที่ตัวนักบินว่า จะต้องเก่งกาจและเชี่ยวชาญขนาดไหน จึงจะสามารถบังคับเครื่องบินที่ผู้ออกแบบได้รับแรงบันดาลใจมาจากจ้าวเวหาแห่งการล่าเหยื่ออย่าง “เหยี่ยว” ได้ ซึ่งถ้าเหยื่อเห็นเหยี่ยวก่อน พวกมันก็มีโอกาสรอดเช่นกัน

เมื่อเป็นอากาศยานที่แพงและประสิทธิภาพด้านเทคโนโลยีที่ไร้เทียมทานขนาดนี้ ก็ต้องอาศัยนักบินที่มีคุณสมบัติเทียบเคียงกัน พวกเขาต้องผ่านการสอบ ” IQT” ที่ฐานทัพอากาศไวท์แมน (Whiteman Air Force Base) โดยสอบข้อเขียนเป็นด่านแรก แต่ทุกคนต้องมีประสบการณ์ขั้นเทพในการขับเครื่องบินรบ อย่างเช่น F-16 หรือ B-1 มาก่อน เพื่อให้ง่ายต่อการฝึกขับเครื่องบิน B-2 จำลอง

ผู้ที่จะได้รับคัดเลือก ยังต้องเป็นคนที่มีประวัติแบบ “ไร้ที่ติ” ต้องแสดงความสามารถในการเรียนรู้ได้รวดเร็ว ในแต่ละปีจะมีผู้เข้าสมัครราว 60 คน แต่จะมีแค่ไม่กี่คนในรุ่น หรือไม่ถึง 10% ที่ผ่านการคัดเลือกเข้าเรียน ที่จะต้องเข้ารับการฝึกอย่างเข้มข้น และต้องมีบุคลิกที่ผ่านเกณฑ์ คือ เป็นคนที่ไว้ใจได้ สุขุม ไม่อวดเบ่งและรับแรงกดดันได้ดี เพราะภารกิจของนักบิน B-2 ต้องเป็นคนที่เด็ดเดี่ยว และตัดสินใจได้อย่างเฉียบขาดภายในเวลาไม่กี่วินาที เพราะถ้าพลาดย่อมหมายถึงความล้มเหลวระดับชาติ

หลังจากผ่านการสอบ  IQT และการทดสอบเที่ยวบินแล้ว นักบินจะได้รับ “Spirit Numbers” ซึ่งเป็นหมายเลขลำดับที่ใช้เพื่อระบุตำแหน่งของพวกเขาในประวัติศาสตร์ของ B-2 และนักบินของ B-2 ยังคัดเลือกจากนักบินที่มีระดับคะแนนสูงสุด โดยจะเน้นเป็นพิเศษที่ประสบการณ์การบินก่อนหน้านี้ ผลการเรียน และความเหมาะสมส่วนบุคคล โดยไม่มีประวัติด่างพร้อยเกี่ยวกับการละเมิดกฎการบินมาก่อน

การได้เป็นนักบินของ B-2 ถือเป็นเครื่องหมายแห่งเกียรติยศ และการได้รับความไว้วางใจขั้นสุดจากองทัพ ที่มีเพียงไม่กี่คนบนโลกที่ได้รับโอกาสนี้

ซึ่งบน B-2 แต่ละลำ มีที่นั่งให้นักบินแค่เพียง 2 คน เท่านั้น โดยไม่จำกัดเพศ เพราะมีรายงานว่า ในปฏิบัติการโจมตีโรงงานเสริมสมรรถนะยูเรเนียมของอิหร่าน ภายใต้รหัส “Operation Midnight Hammer) เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2568 มีนักบิน B-2 เป็นผู้หญิงด้วย