สำนักข่าวเอพี รายงานอ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ว่า โดรน รีปเปอร์ ของกองทัพสหรัฐฯ 7 ลำ ถูกยิงร่วงในช่วงวันที่ 31 มีนาคม-22 เมษายน ขณะกบฏฮูตีเพิ่มความพยายามโจมตีอากาศยานของสหรัฐฯ ที่ปฏิบัติการเหนือน่านฟ้าเยเมน โดรนรุ่นดังกล่าวมีราคาลำละเกือบ 30 ล้านดอลลาร์ และถูกสอยร่วงตกทะเลหรือบนบกขณะปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนหรือโจมตี

โฆษกกองบัญชาการกลางของกองทัพสหรัฐฯ เผยเมื่อวันพฤหัสบดีว่า กองทัพสามารถทำลายเป้าหมายของฮูตีกว่า 800 เป้าหมาย นับจากเริ่มการโจมตีทางอากาศรายวันเมื่อวันที่ 15 มีนาคมตามคำสั่งของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และสามารถทำลายศูนย์บัญชาการ, คลังอาวุธ และระบบป้องกันภัยทางอากาศ รวมทั้งสังหารนักรบฮูตีและแกนนำรวมหลายร้อยคน

ขณะที่เริ่มมีกระแสความกังวลต่อการยกระดับการโจมตีของสหรัฐฯ ที่สร้างความสูญเสียต่อชีวิตพลเรือนในเยเมน ฮูตี เผยว่า การโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯ ที่พุ่งเป้าท่าเรือราสอิซา และโฮเดดาห์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 80 คน และผู้บาดเจ็บกว่า 150 คน

นอกจากนี้ซีเอ็นเอ็น รายงานด้วยว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กังวลว่า ความสำเร็จของฮูตีในการทำลายโดรนถึง 7 ลำ เป็นอุปสรรคต่อศักยภาพของสหรัฐฯ ที่จะยกระดับปฏิบัติการสู่เฟสสอง โดยกองทัพคาดหวังว่าจะสามารถควบคุมเหนือน่านฟ้าเยเมนได้ภายใน 30 วัน และทำลายระบบป้องกันภัยทางอากาศของฮูตีมากพอที่จะเริ่มเฟสใหม่มุ่งเน้นตามหาและสังหารแกนนำระดับอาวุโสของฮูตีทั้งในฝ่ายข่าวกรอง, สอดแนม และสังเกตการณ์ และการสูญเสียโดรนสร้างความยากลำบากในการประเมินอย่างแม่นยำว่าสามารถทำลายคลังอาวุธของฮูตีได้มากน้อยแค่ไหน

ขณะที่ในช่วง 6 สัปดาห์ที่ผ่านมาฮูตีส่งโดรนโจมตี 77 ลำ, และยิงขีปนาวุธร่อน 30 ลูก ขีปนาวุธทิ้งตัวพิสัยกลาง 24 ลูก และขีปนาวุธจากพื้นสู่อากาศ 23 ลูก ใส่กองกำลังของสหรัฐฯ, ในทะเลแดง หรืออิสราเอล

ประธานาธิบดีทรัมป์ส่งหนังสือแจ้งถึงไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฎรเมื่อเดือนที่แล้วว่า ปฏิบัติการทางทหารที่พุ่งเป้าฮูตีจะยังดำเนินต่อไปจนกว่าภัยคุกคามของฮูตีต่อสหรัฐฯ  และสิทธิและเสรีภาพการเดินเรือในทะเลแดงและน่านน้ำใกล้เคียงจะลดน้อยลง