KUBET – เก็บค่าเข้า Entertainment Complex โมเดลล้าสมัยยุค AI ผลิบาน
เก็บค่าเข้า Entertainment Complex โมเดลล้าสมัยยุค AI ผลิบาน
Entertainment Complex กับมาตรการป้องกันการติดพนัน โมเดล ‘เก็บค่าเข้า’ แบบสิงคโปร์ ยังถูกมองว่าล้าหลังยุค AI ผลิบาน เหตุวิเคราะห์พฤติกรรมผู้เล่นได้แม่นยำ ตรงจุดกว่า
ประเทศไทยกำลังเดินหน้าอย่างเต็มที่กับโครงการ “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ (Entertainment Complex)” หรือ คาสิโนถูกกฎหมาย ผ่านร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิง ที่อยู่ระหว่างการพิจารณา
ท่ามกลางกระแสความคาดหวังทางเศรษฐกิจ สิ่งที่ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดคือ มาตรการป้องกันปัญหาติดพนัน และมาตรการคุ้มครองประชาชนกลุ่มเปราะบาง
โดยมีแนวคิดเรื่อง ค่าเข้าคาสิโนสำหรับคนไทย และ การตรวจสอบสถานะทางการเงิน ซึ่งเป็นโมเดลที่ได้รับแรงบันดาลใจจากคาสิโนสิงคโปร์ เมื่อกว่าทศวรรษที่แล้ว
แต่คำถามสำคัญคือ แนวทางแบบเก่า ยังเหมาะสมกับปี 2568 ซึ่งเป็นยุคแห่งเทคโนโลยี AI เติบโตอย่างก้าวกระโดดหรือไม่?

เก็บค่าเข้า “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” โมเดลล้าสมัยยุค AI ผลิบาน
ในปี 2553 เมื่อ Marina Bay Sands และ Resorts World Sentosa เปิดให้บริการ สิงคโปร์ได้กำหนดให้พลเมืองของตนต้องชำระค่าธรรมเนียมแรกเข้าคาสิโน 150 ดอลลาร์สิงคโปร์ ต่อครั้ง (เข้าใช้บริการได้ภายใน 24 ชม.)
ซึ่งถือเป็นแนวปฏิบัติที่ดีที่สุด ณ เวลานั้น เนื่องจากยังไม่มีเทคโนโลยีเฝ้าระวังระวังพฤติกรรมผู้เล่น หน่วยงานกำกับดูแลจึงเน้นมาตรการยับยั้งทางการเงินเพื่อลดความถี่ในการเข้าใช้บริการคาสิโน
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีการยอมรับกันมากขึ้นว่าปัญหาการติดพนันเป็นความผิดปกติทางพฤติกรรมที่มีรากฐานมาจากปัจจัยทางจิตวิทยาและประสาทวิทยา ไม่ได้ถูกกำหนดโดยสถานะทางการเงินเพียงอย่างเดียว
งานวิจัยจาก University of Nevada, Las Vegas (UNLV) ชี้ให้เห็นว่า ผู้ที่มีปัญหาติดการพนันในระดับรุนแรงมักจะไม่ยับยั้งพฤติกรรมการเล่นของตนเอง แม้ต้องเผชิญกับอุปสรรคหรือปัญหาทางการเงินก็ตาม
โดยแรงขับเคลื่อนของการเสี่ยงโชคมักมีอำนาจเหนือข้อจำกัดด้านการเงิน นำไปสู่ผลกระทบทางการเงินที่เลวร้ายลงอีกสำหรับผู้เสพติดการพนันเหล่านี้
ดังนั้น อุปสรรคทางการเงิน อย่างการเรียกเก็บค่าเข้ามีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อผู้เล่นทั่วไปมากกว่าผู้ที่มีปัญหาการติดการพนันอย่างรุนแรง
ด้วยเหตุนี้ การพิจารณาความสามารถทางการเงินเพียงอย่างเดียวจึงยังเป็นข้อจำกัดของโมเดลสิงคโปร์ในการแก้ปัญหาติดพนันที่มีความซับซ้อน
ขณะเดียวกัน ตามข้อมูลจาก Optimove สตาร์ทอัพสัญชาติอิสราเอล ผู้ซึ่งพัฒนาซอฟต์แวร์ AI เพื่อช่วยตรวจจับผู้ใช้งานที่มีแนวโน้มติดการพนัน ชี้ให้เห็นว่า
ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี AI ได้มอบเครื่องมืออันทรงพลังสำหรับการเฝ้าระวัง ติดตามและวิเคราะห์พฤติกรรมการเล่นพนันของผู้เล่นแบบเรียลไทม์
Optimove ระบุว่าเทคโนโลยี AI สามารถวิเคราะห์รูปแบบพฤติกรรมต่างๆ ที่เป็นสัญญาณเตือนล่วงหน้าถึงปัญหาการติดพนันได้ เช่น
- พฤติกรรมเพิ่มวงเงินเดิมพันอย่างรวดเร็ว
- ระยะเวลาการเล่นต่อเนื่องนานผิดปกติ
- ความพยายามแก้มือเอาเงินที่เสียไปคืนมา
- รูปแบบการฝากเงินที่ผิดปกติ
นอกจากนี้ งานวิจัยสถาบันสุขภาพแห่งชาติสหรัฐฯ (NIH) ในปี 2566 ยังยืนยันว่า AI สามารถวิเคราะห์ปัญหาติดพนันจากพฤติกรรมเหล่านี้ได้ด้วยความแม่นยำสูง ทำให้การระบุตัวตนและช่วยเหลือผู้ที่มีความเสี่ยงเป็นไปอย่างตรงจุดและเป็นธรรมยิ่งขึ้น
ช่วยให้ภาครัฐสามารถดำเนินการเชิงรุก เพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาติดพนันบานปลาย เมื่อเทียบกับการใช้โมเดลมาตรการทางการเงินแบบเก็บหว่านแห
คาสิโนถูกกฎหมาย พร้อมเดินหน้าสู่อนาคตด้วย AI
อย่างไรก็ตาม การนำ AI มาใช้ใน เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ (Entertainment Complex) หรืออุตสาหกรรมคาสิโนถูกกฎหมาย ต้องควบคู่ไปกับการพิจารณาด้านจริยธรรมอย่างรอบคอบ
ข้อมูลจาก สมาคมมาตรฐานเกมสากล (IGSA) ชี้ให้เห็นว่าหากดำเนินการโดยไม่มีการควบคุมที่ดี AI อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงใหม่ๆ ขึ้นมาได้ เช่น ละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้เล่น การตัดสินใจที่ขาดความโปร่งใส หรือผลลัพธ์ที่มีอคติ
ดังนั้น การนำ AI มาใช้เพื่อส่งเสริมการเล่นพนันอย่างมีความรับผิดชอบ จึงจำเป็นต้องมีระบบป้องกันข้อมูลที่รัดกุม มีการตรวจสอบอัลกอริทึมที่โปร่งใส และให้มนุษย์เข้ามามีส่วนร่วมพิจารณาพฤติกรรมที่ AI ตรวจจับได้
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ควรสร้างกรอบกฎหมายที่ชัดเจน เพื่อสร้างความมั่นใจว่า AI เป็นเพียงเครื่องมืออำนวยความสะดวก ไม่ใช่เครื่องมือบ่อนทำลายสิทธิและศักดิ์ศรีของผู้เล่น
จากข้อมูลที่เราได้กล่าวไปข้างต้น หลายฝ่ายอาจเริ่มมองเห็นว่า ประเทศไทยไม่จำเป็นต้องยึดติดกับโมเดลคาสิโนของสิงคโปร์ในปี 2553 อีกต่อไป
เพราะสภาพแวดล้อมทางสังคม เศรษฐกิจ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เทคโนโลยีในปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง
มาตรการเชิงสัญลักษณ์ เช่น การเรียกเก็บค่าเข้า หรือการตรวจสอบฐานะทางการเงินนั้น แน่นอนว่าไม่เพียงพออีกต่อไปที่จะใช้เป็นเครื่องมือควบคุมหรือป้องกันปัญหาติดพนันได้อย่างมีประสิทธิภาพในยุคนี้
ในเมื่อรัฐบาลชี้ว่า ประเทศไทยมีโอกาสสร้างระบบคาสิโนถูกกฎหมายหรือ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ (Entertainment Complex) ที่ดีต่ออนาคตประเทศชาติ (ควรมิควรแล้วแต่ผู้อ่านจะพิจารณา)
ก็น่าจะหยิบประโยชน์จากนวัตกรรมทางเทคโนโลยีขั้นสูงอย่างปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาใช้ในการติดตามและวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้เล่นบ้าง แทนที่จะใช้มาตรการแบบเก่าที่มุ่งเน้นการกีดกันเชิงสัญลักษณ์
หากจะว่ากันตามตรง การปฏิเสธความทันสมัยนั้น ไม่ต่างอะไรจากการย่ำอยู่กับที่ แล้วก็สะดุดก้อนหินก้อนเดิม หน้าคะมำแบบเดิมๆ วนซ้ำรอยความผิดพลาดในอดีต
สำหรับประเด็นที่กล่าวมาทั้งหมด การจัดตั้ง เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ (Entertainment Complex) ก็เหลือแค่ทางสองแพร่งให้เลือกเดิน
จะสาวเท้าสับแหลกทะยานไปข้างหน้าแบบไม่คิดชีวิต หรือจะยืนอืดเป็นเรือเกลือ ปล่อยให้คลื่นซัดสาด จมหายไปกับความล้าหลัง
ทางออกมันก็เห็นกันอยู่ โต้งๆ แต่จะเลือกเส้นทางไหน? ก็คงสุดแต่ใจจะไขว่คว้า