ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เดินทางถึงกรุงริยาดห์ของซาอุดิอาระเบียในวันอังคาร (13 พฤษภาคม) และได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมาร โดยซาอุดิอาระเบียเป็นจุดหมายแรกของการเยือนต่างประเทศครั้งสำคัญครั้งแรกนับจากเข้ารับตำแหน่งสมัยที่ 2

นอกจากนี้ในระหว่างที่ทรัมป์รับประทานอาหารกลางวันกับมกุฎราชกุมารของซาอุดิอาระเบีย มีนักธุรกิจชั้นนำของสหรัฐฯ เช่น อีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสลาและสเปซเอ็กซ์ และแซม อัลต์แมน ซีอีโอของโอเพนเอไอ ร่วมโต๊ะด้วย

ทั้งทรัมป์และมัสก์ ยังมีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมเวทีการลงทุนสหรัฐฯ-ซาอุดิอาระเบีย (Saudi-US Investment Forum) ด้วย

ทรัมป์มีกำหนดการเยือนซาอุดิอาระเบีย, กาตาร์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ รวม 4 วัน โดยคาดหวังบรรลุข้อตกลงการลงทุนครั้งใหญ่ และกระชับความสัมพันธ์ ตลอดจนแสดงบทบาทการเป็นนักเจรจาในเวทีโลก ท่ามกลางสงครามระหว่างอิสราเอลและฮามาสในฉนวนกาซา และการเจรจานิวเคลียร์กับอิหร่าน แต่กลับไม่มีกำหนดการแวะเยือนอิสราเอล จนเกิดคำถามจากเจ้าหน้าที่อิสราเอล

ผู้นำสหรัฐฯ คาดหวังว่า จะสามารถดึงดูดการลงทุนหลายล้านล้านดอลลาร์จากชาติผู้ผลิตน้ำมันทั้ง 3 ชาติ โดยคาดว่าจะมีการลงทุนทั้งด้าน เอไอ, การผลิตชิป และพลังงาน โดยทรัมป์ คาดหวังได้สัญญาการลงทุนจากซาอุดิอาระเบีย 1 ล้านล้านดอลลาร์จากซาอุดิอาระเบีย เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ซาอุดิอาระเบียให้คำมั่นก่อนหน้าว่าจะลงทุน 600,000 ล้านดอลลาร์ในสหรัฐฯ

นอกจากนี้ทรัมป์อาจประกาศขายอาวุธล็อตใหญ่มากกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์ให้ซาอุดิอาระเบีย ขณะที่รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศขายอาวุธกว่า 1,400 ล้านดอลลาร์ให้กับสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ก่อนทรัมป์จะไปเยือนในวันที่ 15 พฤษภาคม

แต่มีเสียงวิจารณ์อย่างมากเกี่ยวกับการเยือนชาติอาหรับของทรัมป์ครั้งนี้ว่าเป็นการแสวงประโยชน์ส่วนตัว  โดยใน 3 ชาติที่เยือน ทรัมป์มีการลงทุนส่วนตัวและอสังหาริมทรัพย์ และลูกชายมีบริษัทร่วมทุนด้านเงินคริปโตและอสังหาริมทรัพย์ด้วยเช่นกัน ขณะที่ทำเนียบขาวออกมาปฏิเสธ