KUBET – “นายกฯอิ๊งค์” เร่งหารือ สถานการณ์ชายแดน “ไทย–กัมพูชา”
“นายกฯอิ๊งค์” เร่งหารือ สถานการณ์ชายแดน “ไทย–กัมพูชา”
“นายกฯอิ๊งค์” เร่งหารือ สถานการณ์ชายแดน “ไทย–กัมพูชา” ร่วมกระทรวงต่างประเทศ ตามติดเหตุการณ์ที่ “ช่องบก” อย่างใกล้ชิด ยึดแนวทางสันติวิธี
5 มิถุนายน 2568 “นายกฯอิ๊งค์” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร โพสต์เร่งหารือ สถานการณ์ชายแดน “ไทย–กัมพูชา” ผ่านแอปพลิเคชั่น “X” ว่า
จากกรณีที่ทางรัฐบาลกัมพูชาออกแถลงการณ์เกี่ยวกับสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา
ดิฉันได้หารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และท่านรองนายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรม เวชยชัย ซึ่งได้โทรศัพท์เข้ามารายงานเรื่องการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ ณ จังหวัดอุบลราชธานีอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินภาพรวมอย่างรอบด้าน
รัฐบาลไทยขอยืนยันในหลักการแก้ไขปัญหาด้วยแนวทางสันติวิธี ภายใต้ความเคารพในอธิปไตยและดินแดนของกันและกัน
ในกรณีที่กัมพูชาประสงค์จะเสนอให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) เข้ามามีบทบาท รัฐบาลไทยขอเรียนว่า ประเทศไทยไม่ได้ให้การยอมรับเขตอำนาจศาล ICJ ในกรณีพิพาทต่างๆ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503 จนถึงปัจจุบัน และขอย้ำว่าประเด็นที่เกิดขึ้นควรได้รับการแก้ไขปัญหาในบริเวณที่มีการกระทบกระทั่งกันเท่านั้น ไม่ขยายประเด็นปัญหาออกไป
ประเทศไทยยังยึดมั่นในกลไกการหารือทวิภาคีที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันไว้มาโดยตลอด เพื่อรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศค่ะ
“รัฐบาล” ออกแถลงการณ์ กรณีสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา
ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ปะทะบริเวณช่องบกเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ทั้งสองฝ่ายได้หารือและตกลงกันที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา ได้แก่ คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Border Commission: JBC) คณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (General Border Committee: GBC) และคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee: RBC) บนพื้นฐานของความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งเป็นผลจากการหารือระหว่างผู้บัญชาการทหารบกของทั้งสองฝ่ายเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2568
ตามที่กัมพูชาแสดงความตั้งใจที่จะใช้กลไกของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (International Court of Justice: ICJ) นั้น ไทยไม่ได้ประกาศยอมรับเขตอำนาจของ ICJ ตั้งแต่ปี 2503 จนถึงปัจจุบัน ทั้งสองฝ่ายมีกลไกทวิภาคีในการจัดการประเด็นชายแดนอยู่แล้ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ได้ตกลงกันตั้งแต่แรก
สิ่งที่สำคัญคือ ทั้งสองฝ่ายต้องแก้ไขปัญหาในบริเวณที่มีการกระทบกระทั่งกันเท่านั้น ไม่ขยายประเด็นปัญหาออกไป ซึ่งจะสร้างความซับซ้อนมากขึ้น
ประเทศไทยไม่ต้องการเห็นฝ่ายใดได้รับความสูญเสีย ไทยและกัมพูชามีกลไกเรื่องเขตแดนอยู่แล้ว ซึ่งกลไกดังกล่าว โดยเฉพาะการทำงานของ JBC ในช่วง 26 ปีที่ผ่านมา มีความคืบหน้าในหลายพื้นที่อย่างเห็นได้ชัด ดังเช่นในกรณีของสะพานมิตรภาพไทย – กัมพูชา (บ้านหนองเอี่ยน-สตึงบท) และการก่อสร้างสะพานข้ามพรมแดนแห่งใหม่ ณ จุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด จังหวัดจันทบุรี
ประเทศไทยมีความพร้อมที่จะเข้าร่วมการประชุม JBC ในวันที่ 14 มิถุนายน 2568 และหวังว่าฝ่ายกัมพูชาจะแสดงถึงความปรารถนาเช่นเดียวกันในการร่วมมือกับไทยในลักษณะที่สะท้อนเจตนารมณ์ร่วมกันของเราในสันติภาพ เสถียรภาพ และการเคารพซึ่งกันและกัน
วันที่ 5 มิถุนายน 2568 เวลา 16.30 น.