กองทัพปากีสถาน ยืนยันในวันพุธ (7 พฤษภาคม)ว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 26 คน และผู้บาดเจ็บ 46 คนในปากีสถาน หลังจากอินเดียโจมตีทางอากาศทำลายเป้าหมายหลายแห่งภายในปากีสถาน และดินแดนแคชเมียร์ฝั่งที่ควบคุมโดยปากีสถานช่วงกลางดึก ตามด้วยการยิงปืนใหญ่ข้ามพรมแดนในบริเวณเส้นควบคุม ที่เป็นเส้นแบ่งดินแดนในแคชเมียร์

นอกจากนี้ควาวาจา อาซิฟ รัฐมนตรีกลาโหมปากีสถาน ยืนยันว่า กองทัพสามารถยิงเครื่องบินขับไล่อินเดียร่วงอย่างน้อย 5 ลำ และทหารอินเดียหนีออกจากด่านหลายจุดตามเส้นควบคุมในแคชเมียร์ฝั่งอินเดีย หลังเผชิญการยิงตอบโต้อย่างหนักจากฝั่งปากีสถาน พร้อมทั้งยืนยันว่า กองทัพปากีสถานได้ตอบโต้อย่างเหมาะสมต่อการรุกรานของอินเดีย และเครื่องบินรบของกองทัพที่ร่วมปฏิบัติการ สามารถบินกลับฐานได้อย่างปลอดภัยทุกลำ

ขณะที่กองทัพอินเดีย รายงานว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 15 คน และผู้บาดเจ็บ 43 คน ในรัฐจัมมูและแคชเมียร์ของอินเดียจากการยิงปืนใหญ่ของปากีสถาน และรัฐบาลอินเดีย ยืนยันว่า กองทัพเปิดปฏิบัติการโจมตีทางอากาศทำลายโครงสร้างพื้นฐานของผู้ก่อการร้ายใน 9 แห่ง ในแคว้นปันจาบที่มีประชากรอาศัยหนาแน่นของปากีสถาน และแคชเมียร์ในฝั่งปากีสถาน เพื่อตอบโต้เหตุการณ์กราดยิงสังหารนักท่องเที่ยว 26 คน ในรัฐจัมมูและแคชเมียร์เมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว โดยอินเดีย กล่าวหาว่า เป็นฝีมือของกลุ่มก่อการร้ายในปากีสถาน

นายกรัฐมนตรีเชห์บาซ ชารีฟ ของปากีสถาน ระบุว่า การโจมตีทางอากาศดังกล่าวเป็นการก่อสงคราม และสั่งให้กองทัพดำเนินมาตรการป้องกันประเทศและการตอบโต้

นอกจากนี้ปากีสถานออกแถลงการณ์หลังการประชุมของคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งชาติ ที่ชารีฟร่วมเป็นประธาน โดยมีเนื้อหาปฏิเสธคำอ้างของอินเดียที่ระบุว่า มีค่ายของผู้ก่อการร้ายในปากีสถาน และยืนยันสิทธิในการป้องกันตัวเอง พร้อมทั้งสงวนสิทธิตอบโต้อินเดียในเวลาและสถานที่และด้วยวิธีการอย่างเหมาะสม เพื่อล้างแค้นให้กับพลเรือนที่เสียชีวิต

ขณะที่บรรดาผู้นำและรัฐบาลหลายชาติและสหประชาชาติแสดงความกังวลต่อการโจมตีข้ามพรมแดนระหว่างสองมหาอำนาจนิวเคลียร์ ที่เคยทำสงครามกันมาแล้ว 2 ครั้งในอดีต และเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายใช้ความอดกลั้น ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ บอกด้วยว่า การโจมตีของอินเดียเป็นเรื่องน่าละอาย และหวังว่า การต่อสู้ระหว่างอินเดียและปากีสถานจะยุติโดยเร็ว

การโจมตีทางอากาศของอินเดียสร้างความตื่นตระหนกทั่วภูมิภาค และสายการบินหลายแห่งในเอเชียต้องปรับเส้นทางบินหรือยกเลิกเที่ยวบินไป-กลับยุโรป และข้อมูลจาก ไฟลท์เรดาร์24 ระบุว่า มีการยกเลิกเที่ยวบินรวม 552 เที่ยว ในอินเดียและปากีสถานนับจากการโจมตีทางอากาศ ได้แก่ 135 เที่ยวบินในปากีสถาน และ 417 เที่ยวบินในอินเดีย

นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของอินเดีย ร่วมประชุมกับคณะรัฐมนตรีหลังการโจมตีปากีสถาน แต่ยังไม่แสดงความเห็นใด ๆ ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาล เผยว่า นายกรัฐมนตรีโมดีเลื่อนการเยือนโครเอเชีย, เนเธอร์แลนด์ และนอร์เวย์ แต่ไม่ได้ระบุเหตุผลอย่างเป็นทางการ

กระทรวงต่างประเทศปากีสถานเรียกอุปทูตอินเดียประจำกรุงอิสลามาบัดเข้าพบเพื่อยื่นประท้วงอย่างเป็นทางการแล้ว โดยระบุว่าเป็นการละเมิดอธิปไตยของปากีสถานอย่างชัดแจ้ง และละเมิดกฎบัตรสหประชาชาติ กฎหมายระหว่างประเทศ และบรรทัดฐานของการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างรัฐ พร้อมทั้งปฏิเสธคำอ้างที่ไม่มีมูลความจริงของอินเดียเพื่อโจมตีปากีสถาน และเตือนว่า ปฏิบัติการทางทหารของอินเดียเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อสันติภาพในภูมิภาค